
แดรกคูลาเป็นชื่อของขุนนางท่านหนึ่งที่มีตัวตนอยู่จริง คือ เค้าท์แดรกคูลาซึ่งเป็นที่เลื่องลือเรื่องความอำมหิตในการนำศีรษะของศัตรูไปเสียบไม้ประจานคนทั้งเมืองเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงพูดต่อๆกันมาว่าเค้าท์แดรกคูลานั้นมีความเหี้ยมโหดเกินมนุษย์มนา ชื่อเสียงที่เหี้ยมโหดนี้นำไปสู่เรื่องราวในนิยายของนักเขียนท่านหนึ่งที่ได้นำเรื่องราวของแดรกคูลามาเป็นแรงบันดาลใจ สร้างเป็นตำนานผีดูดเลือดอย่างที่เรารู้จักกัน

ทำไมแดรกคูลาจึงน่ากลัว
แดรกคูลาตามเรื่องเล่า เป็นผีดูดเลือดที่มีชีวิตนิรันดร์ ไม่แก่ไม่ตาย แต่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยการดื่มเลือดของมนุษย์ ซึ่งลักษณะของแดรกคูลที่สามารถสังเกตได้ คือ จะมีผิวขาวซีดเพราะไม่ได้โดนแสงแดดมานาน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชายหรือหญิงหน้าตาดีเพื่อใช้ในการล่อลวงเหยื่อ ที่ฟันจะมีเขี้ยวแหลมไว้สำหรับดูดเลือด และจะไม่สามารถก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของเราได้หากเราไม่เชื้อเชิญ โดยผู้ที่ถูกแดรกคูลาดูดเลือดนั้น หากไม่ตายในเร็ววันก็จะกลายเป็นผีดูดเลือดในที่สุด ยังมีพลังพิเศษและกำลังวังชาที่มากกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่าว่ากันว่าแดรกคูลาสามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ แดรกคูลาสามารถใช้พลังสะกดจิตในการหลอกล่อเหยื่อให้ยอมจำนน นอกจากนี้ยังมีสมุนคู่ใจเป็นมนุษย์หมาป่าอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีวิธีในการกำจัดหรือป้องกันตัวจากแดรกคูลาอยู่ คือ นำกระเทียมมาแขวนไว้บนหัวเตียงหรือหน้าบ้านเพราะแดรกคูลาเกลียดกระเทียมมากจนไม่กล้าเข้าใกล้ หรือจะเป็นไม้กางเขนเองก็ได้เช่นกัน หากต้องการฆ่าแดรกคูลาต้องนำหมุดไม้ตอกเข้าที่หัวใจ หรือหลอกล่อให้แดรกคูลายืนท่ามกลางแสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ที่แผดเผาจะทำให้ร่างกายของแดรกคูลาสลายหายไปตลอดกาล แม้จะดูเหมือนว่าแดรกคูลาเป็นเรื่องเล่าที่แต่งขึ้นมาไม่ต่างกับซานตาคลอส แต่ในทุกวันนี้ก็ยังมีคนอยู่ไม่น้อยที่ปักใจเชื่อว่าแดรกคูลาหที่เป็นผีดูดเลือดมีอยู่จริง
โดยในปัจจุบันเองก็มีโรคเกิดขึ้นมากมายที่ทำให้ผู้คนดูคล้ายกับแดรกคูลา เช่น โรคผิวเผือกที่ไม่สามารถโดนแสงอาทิตย์ได้ หรือโรคจิตบางประเภทที่ชอบทำร้ายคนอื่นและเสพติดการกินเลือด ในประวัติศาสตร์เองก็มีความเชื่อว่า สมัยที่ผู้คนตายเป็นจำนวนมากด้วยวัณโรคนั้นเป็นเพราะถูกแดรกคูลาทำร้าย เป็นที่มาของการใช้กระเทียมในการป้องกันตัวจากผีดูดเลือด เพราะกระเทียมนั้นมีฤทธิ์ในการป้องกันวัณโรคได้อยู่ ส่วนเรื่องสมุนคู่ใจของได้คูล่าอย่างเส้นคลื่นสไตล์หรือว่ามนุษย์หมาป่านั้นก็เป็นเพียงจินตนาการของผู้ทำหนัง สำหรับผู้เขียนแล้วเรื่องราวของแวมไพรส์จึงเป็นเพียงแค่จินตนาการของนักเขียนคนหนึ่งเท่านั้น
