เชื่อว่าคงมีผู้คนทั่วโลกไม่มากก็น้อยที่คุ้นหูกับชื่อของชายหญิงสองคนที่มักถูกกล่าวถึงตามนวนิยายหรือในเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เรื่องลี้ลับ ศิลปะกรีก และตำนานต่าง ๆ ที่โด่งดังกันบ่อย อย่าง “ไซคี” กับ “อีรอส” ที่ยิ่งเป็นนวนิยายก็ยิ่งมีการนำชื่อของสองคนนี้มาตั้งเป็นชื่อของคู่พระนางในนิยายที่โรแมนติกบ่อย ๆ เพราะไซคีกับอีรอสเป็นหนึ่งในตัวแทนคู่รักที่โด่งดังมากของ ตำนานความรัก ตำนานกรีกจนเรียกได้ว่าถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของหัวใจและการเป็นคู่แห่งโชคชะตากันบ่อยมาก แต่จะมีสักกี่คนที่ศึกษาตำนานนี้และรู้เรื่องราวกับตัวตนของไซคีกับอีรอสว่าพวกเขาคือใคร? วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมารู้เรื่องราวตำนานของกรีกที่บ้างก็ว่าเป็นเรื่องจริง บ้างก็ว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อสอนใจเหล่าคู่สามีภรรยา แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องราวไซคีกับอีรอสก็จะทำให้พวกคุณได้ซาบซึ้งตราตรึงใจอย่างแน่นอน ไม่ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงประเทศกรีซเลย เราได้นำเรื่องราวความรักของพวกเขามาให้คุณได้อ่านกันถึงที่แล้ว!
เรื่องราว ตำนานความรัก ของ “ไซคี” กับ “อีรอส”
ตำนานความรักของ “ไซคี” กับ “อีรอส” ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงมีพระธิดารูปงาม 3 พระองค์ แต่พระธิดาที่สวยสุด คือ พระธิดาองค์เล็กนามว่า “ไซคี” ที่ความสวยของนางทำให้ผู้คนเชยชมจนให้ฉายาว่า “วีนัสคนที่ 2” ซึ่งทำให้ผู้คนที่เคยบวงสรวงบูชาเทพวีนัสในวิหารต่างก็ไม่มาอีกเลยจนวิหารเงียบทำให้เทพวีนัสกริ้ว และส่งลูกชายสุดที่รักที่เป็นกามเทพผู้มีนามว่า “อีรอส” ลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อทำให้ไซคีหลงรักใครก็ได้ที่โหดร้ายจนนางเป็นทุกข์ แต่แผนการกลับไม่เป็นดังที่วีนัสคาดหวัง เพราะเมื่ออีรอสเห็นรูปโฉมของไซคีก็ตกหลุมรักจนต้องแอบขัดคำสั่งพระมารดาและไปสื่อสารกับเทพอะพอลโลในขณะเดียวกันกับที่พระบิดาของไซคีมาที่วิหารเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องการหาคู่ครอง ซึ่งอีรอสได้ให้เทพอะพอลโลพยากรณ์ว่า จงส่งไซคีขึ้นไปอยู่บนยอดเขาเพียงลำพัง แล้วอสุรกายงูมีปีกที่คล้ายมังกรไฟซึ่งมีอำนาจมากจนมหาเทพซูสยังเกรงกลัวจะมารับนางไปเป็นภรรยา ซึ่งบิดาก็ทำตามแต่โดยดีเพราะคิดว่าไซคีอาจจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับผู้มีอำนาจตามคำทำนาย
จนวันนั้นมาถึง ไซคีได้แต่ร่ำไห้อยู่บนยอดเขาอย่างหวาดหวั่นในโชคชะตา แต่แล้วในที่สุดเซฟีร์ ผู้เป็นเทพสายลมตะวันตกก็มาอุ้มเธอลอยไปยังดินแดนที่มีทุ่งหญ้า มวลดอกไม้ มีป่าไม้ ลำน้ำใสสะอาด และมีคฤหาสน์วิจิตรราวเทพเนรมิตงดงามเกินบรรยายไม่ต่างจากโลกแห่งความฝัน ทันทีที่ไซคีเข้าไปก็มีเสียงนุ่มกระซิบของสามีนิรนามที่ฟังดูแล้วอบอุ่นแม้มองไม่เห็นร่างบอกกับเธอว่า บ้านหลังนี้เป็นของเธอ ขอให้เธอพักผ่อนให้สบาย ซึ่งไซคีสัมผัสได้ว่า สามีของเธอต้องไม่ใช่อสุรกายร้ายกาจเป็นแน่ และคืนนั้นไซคีก็ถูกนำตัวไปสู่ห้องนอนที่มืดมิด ร่วมภิรมย์กับชายผู้เป็นสามีของเธอที่ซ่อนร่างอยู่ในความมืด แม้เขาจะมาหาเธอได้เฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้นและเป็นแบบนี้เสมอมา แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความรักความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ
กระทั่งพี่สาวทั้งสองของไซคีได้มีโอกาสเดินทางมาหาไซคีและอิจฉาที่เธอได้อยู่ในสถานที่ราวกับแดนสวรรค์จึงยุแยงไซคีว่า หากอีรอสไม่ใช่ปีศาจจริงก็คงไม่ซ่อนตัวเองจากเธอและยังมีโอกาสที่เขาจะทำให้เธอมีความสุขตอนแรกเพื่อฆ่าเธอภายหลังก็ได้ ไซคีที่แม้จะไม่เชื่อคำของพี่สาวแต่ก็อยากพิสูจน์ด้วยตาตัวเองให้รู้ว่า ความคิดของเธอถูก ในคืนนั้นไซคีจึงได้แอบเดินไปหยิบตะเกียงมาส่องสามีที่หลับใหลจนได้รู้ความจริงว่า อีรอสไม่ใช่อสุรกายดังเช่นที่ผู้พยากรณ์บอกเอาไว้หากแต่เป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเหนือมนุษย์ใดที่เธอเคยพบ มีปีกงามอยู่บนแผ่นหลัง เพราะเขาคือกามเทพ ด้วยความตื่นเต้นทำให้มือเธอที่ถือตะเกียงสั่นจนน้ำมันที่ร้อนหกราดลงไปบนไหล่ของอีรอสจนตื่น ทำให้เขาคิดว่า ไซคีไม่เคยเชื่อใจเขาเลยจึงได้บินหายไปบนท้องฟ้ายามรัตติกาลด้วยความน้อยใจอย่างรวดเร็วโดยไม่ฟังเสียงเรียกร่ำไห้ของไซคีแม้แต่น้อย
ไซคีที่ไม่รู้จะหาหนทางตามอีรอสกลับมาอย่างไร จึงได้อ้อนวอนให้เทพช่วย เทพวีนัสที่ยังกริ้วเธอกับอีรอสไม่หายจึงกลั่นแกล้งเธอด้วยการให้ไซคีทำภารกิจซึ่งยากเกินมนุษย์ ตั้งแต่ภารกิจนำเอาแป้งสาลี ข้าวบาร์เลย์ ถั่ว และธัญพืชหลายชนิดมาเทผสมรวมกันแล้วสั่งให้เธอแยกแต่ละชนิดออกเป็นสัดเป็นส่วน ภารกิจไปเอาขนแกะทองคำที่ดุร้ายมาจากอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำที่เชี่ยวกราก ภารกิจไปตักน้ำสีดำจากต้นน้ำบนยอดเขาของแม่น้ำแห่งความตายมาให้เต็มถัง โดยยอดเขานั้นสูงชันเกินกว่าใครจะขึ้นไปได้ถ้าไม่มีปีก แถมยังมีมังกรเฝ้าอยู่ด้วย แต่ก็มีเหล่าเทพที่เห็นในความมานะของเธอคอยช่วยในทุกภารกิจจนสำเร็จ จนภารกิจสุดท้ายที่เธอได้ไปนรกและได้รับการช่วยเหลือเรื่องการใส่ความงามของวีนัสลงในกล่อง แต่ระหว่างทาง ด้วยความรักสวยรักงามก็ทำให้ไซคีแอบเปิดกล่องออกดูเผื่อว่าจะแบ่งความสวยมาเติมให้ตัวเองอีกสักนิด ทว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นหาใช่ความงามไม่ แต่กลายเป็นความโหดเหี้ยมและมืดมนทำให้เธอสลบไปในทันที ในขณะนั้นอีรอสที่หนีจากการถูกกักขังของมารดามาได้ก็รีบมาช่วยไซคีด้วยการดึงเอาความมืดมนออกจากไซคีใส่คืนในกล่อง แล้วปลุกไซคีให้ตื่นขึ้นมาด้วยลูกศร พร้อมตักเตือนเธอในเรื่องความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ไม่สมควร ก่อนจะพากันไปพบเทพซูสผู้ยิ่งใหญ่ก่อนที่ท่านจะตัดสินกันว่า ไซคีมีคุณสมบัติที่คู่ควรแก่การเป็นภรรยาของอีรอส ด้วยความรักที่เธอมีต่อเขา และเขาก็รักเธอ ไซคีกับอีรอสจึงได้เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง และพระองค์ให้ไซคีดื่มน้ำทิพย์ทำให้เธอเป็นอมตะเฉกเช่นเหล่าเทพ สุดท้ายพวกเขาก็ได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข
ข้อคิดจากตำนานความรักของ “ไซคี” กับ “อีรอส”
เรื่องลี้ลับ ตำนานความรักของ “ไซคี” กับ “อีรอส” ได้ให้ข้อคิดในเรื่องของการไว้เนื้อเชื่อใจคนรักกันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้ชีวิตคู่มาก เพราะหากไม่มีความไว้ใจกันก็จะทำให้เรากับเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขแท้จริง เหมือนที่อีรอสไม่ยอมบอกไซคีว่าตัวตนแท้จริงเขาคือใคร เพราะกลัวไซคีจะเอาไปบอกผู้อื่น ทั้งที่เขาจะตกลงกับไซคีก็ยังได้ และไซคีเองก็ไม่เชื่อในสัมผัสความรักของเขาที่มีต่อตัวเอง เอาแต่อยากจะเห็นด้วยตาทำให้เกิดการพลัดพรากของโชคชะตาซึ่งสอนใจทุกคนได้ดีเลย
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days