สำหรับ เรื่องลี้ลับ ในยุคสมัยที่ผู้คนเลี้ยงลูกหลานแบบให้เขาได้มีอิสระในการคิด การทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อปลูกฝังให้ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีหรือเรื่องที่ผิดพลาดก็จะสามารถเป็นบทเรียนให้เขาได้เห็น ยอมรับในผลที่เกิดขึ้นจนเติบโตมากขึ้น ผ่านการได้ฝึกคิด ได้สำรวจสิ่งต่าง ๆ หรือสัมผัสกับสิ่งนั้น ๆ ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติที่ค่อนข้างปล่อยและบางครอบครัวก็ไม่ได้มีการแนะนำบางอย่างในเบื้องต้นให้เด็กได้รู้จนหลายครั้งที่การเรียนรู้ซึ่งปล่อยให้เด็กได้ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างอิสระเกินไปอาจจะนำมาสู่อันตรายที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งวันนี้เองเราก็จะนำประสบการณ์สยองขวัญที่ต้องบอกเลยว่า หากใครเป็นคนรักเด็กมาก ๆ ก็ควรจะได้อ่าน ยิ่งบางอย่างที่สำคัญ คุณยิ่งต้องเป็นผู้สอนเด็กก่อนที่จะให้เด็กได้รู้เองซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึงก็อาจจะสายเกินไปแล้ว แต่ต้องทำใจไว้ให้ดีด้วย เพราะตอนจบของเรื่อง “ของไม่น่าเล่น” อาจจะไม่ได้จบแฮปปี้เหมือนประสบการณ์ผีเรื่องอื่น ๆ ที่คุณเคยอ่านมา
เรื่องราวสยองขวัญ “ของไม่น่าเล่น”
![](https://mootelooclub.com/wp-content/uploads/2022/11/บอร์ดงาน-PBN7-1.jpg)
เรื่องราวสยองขวัญ “ของไม่น่าเล่น” ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวจากประสบการณ์จริงของครอบครัวหนึ่งที่เมื่อหลายปีก่อนได้มีการนัดรวมญาติพี่น้องในวันหยุดยาวที่สำคัญซึ่งญาติจากต่างจังหวัดและญาติจากต่างประเทศที่ครอบครัวฝั่งนั้นอยู่ยุโรปก็ได้มาพักค้างคืนชั่วคราวเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ที่บ้านของครอบครัวผู้เล่าด้วย โดยญาติฝั่งต่างประเทศก็มีลูกสาวคนหนึ่งที่อยู่ในวัยกำลังซน ซึ่งเราจะให้ชื่อสมมุติว่า “แอนนา” แอนนาเป็นเด็กผู้หญิงวัยสิบปีที่มีผิวขาวสวย โครงหน้าแบบลูกครึ่งไทย – ฝรั่งจึงเป็นที่น่าเอ็นดูของญาติทุกคนที่มารวมตัวกันมาก แถมยังคุยเก่ง เป็นสีสันให้ผู้ใหญ่ทุกคน
ช่วงที่ญาติ ๆ มารวมตัวกันก็ได้มีการนัดกันไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ตามแพลนตารางที่จะใช้เวลาอยู่ร่วมกันแบบจุใจหลังจากที่อยู่คนละจังหวัด คนละประเทศ นาน ๆ ทีปีนึงจะได้มาเจอกันสักที ซึ่งการไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างเฮฮาสนุกสนาน จนกระทั่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้ความสุขของครอบครัวนี้กลายเป็นความทรงจำที่แสนน่ากลัวปนเศร้าจนพวกเขาต้องจดจำมันไปตลอดชีวิตได้มาเกิดขึ้นช่วงที่พวกเขาได้มาเที่ยวที่วัดโบราณแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องมากันให้ได้ ระหว่างไปเที่ยวทุกคนก็ถ่ายรูปและไหว้พระกันแบบปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนพอกลับมาถึงบ้าน พวกเขาต่างก็แยกย้ายกันไปทำกิจส่วนตัวเพื่อพักผ่อน ในขณะนั้นเองแม่ของแอนนาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็มองไม่เห็นแอนนาอยู่ที่เตียง จึงเดินตามหาแล้วพบว่าแอนนานั่งทำกิจกรรมบางอย่างอยู่ในมุมหนึ่งของบ้าน หันหลังให้เธอพร้อมหัวเราะอย่างเพลินใจ เธอจึงคิดว่าลูกเธออาจจะกำลังอ่านหนังสือหรือเล่นของบางอย่างที่ซื้อมา จึงแอบชะเง้อไปมอง ซึ่งพอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของแอนนา เธอก็ถึงกับตกใจเมื่อพบว่า ในมือของแอนนาที่กำลังลูบ ๆ จับ ๆ สิ่งของหนึ่งร่อนไปร่อนมานั้น คือ “ตุ๊กตานางรำผู้หญิง!” ที่ดูจากสภาพแล้วเก่ามาก ทำให้เธอรีบถามแอนนาว่า ไปเอามาจากไหน แอนนาจึงตอบว่า “เห็นวางอยู่ตรงมุมนึงของวัดโบราณที่เราเพิ่งไปมาเลยหยิบมาเพราะคิดว่าเป็นของเล่นที่คนทิ้งแล้ว” นั่นทำให้แม่ของแอนนารีบเข้าไปดึงตุ๊กตานางรำออกจากมือของแอนนาพร้อมบอกว่ามันไม่ใช่ของเล่น แต่แอนนาก็ไม่ฟังจึงยื้อแน่นก่อนจะวิ่งหนีด้วยความโกรธเพราะไม่เคยเห็นแม่เธอแสดงออกเช่นนี้ แม่ของแอนนาจึงรีบไปบอกสามีกับทุกคน ซึ่งเมื่อคนแก่ในบ้านได้ยินก็รีบบอกให้พ่อแม่รีบพาแอนนาไปคืนตุ๊กตาที่วัดภายในพรุ่งนี้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเจ้าของเขาโกรธแล้วมาตามได้ แต่ด้วยแอนนาดูจะชอบตุ๊กตานางรำมากเพราะความที่อยู่กับวัฒนธรรมตะวันตกมานาน เธอจึงไม่เคยเห็นตุ๊กตานี้และมองว่าสวยกว่าตุ๊กตาทุกตัวที่เธอมีจึงดูแล้วอาจยาก ทุกคนจึงกล่าวกันว่า เช่นนั้นก็รอพรุ่งนี้เดี๋ยวผู้ใหญ่จะช่วยพูดให้
![](https://mootelooclub.com/wp-content/uploads/2022/11/บอร์ดงาน-PBN6-1.jpg)
จนกระทั่งวันรุ่นขึ้น ทุกคนก็ได้มาหาแอนนาเพื่อที่จะช่วยกันพูดขอตุ๊กตานางรำ แต่สิ่งที่ทำให้ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม คือ เวลาตุ๊กตานางรำที่เธอถือกลับกลายเป็น “ตุ๊กตานางรำไร้หัว”เสียแล้ว! แอนนาจึงได้บอกว่า เล่นแล้วเผลอทำหลุดหายไปไหนก็ไม่รู้ ผู้ใหญ่คนหนึ่งจึงรีบคว้าตุ๊กตานาวรำจากมือของแอนนาอย่างรวดเร็วพร้อมเตือนว่า ของนี้ไม่น่าเอามาเล่น เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ ซึ่งแม้แอนนาจะหงุดหงิดแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้
วันนั้นทั้งวันแอนนาไม่ยอมพูดอะไรกับใคร หนำซ้ำยังมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนจนต้องนอนตั้งแต่ตอนบ่าย เพ้อละเมอไม่เป็นภาษา แต่ผู้ใหญ่ทุกคนก็คิดว่าคงเพราะไปวิ่งเล่นข้างนอกเมื่อตอนสายเลยเป็นไข้แดด ทุกคนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับตุ๊กตานางรำที่เสียหายจึงคิดว่า วันนี้วุ่นวายมาก เดี๋ยวไว้วันพรุ่งนี้ค่อยเอาไปคืนที่แล้วกัน จนเวลาเย็นมาถึง ทุกคนก็ได้ออกมาช่วยกันเตรียมอาหารเย็นบริเวณลานนอกบ้านที่จะรับประทานเฉลิมฉลองวันรวมญาติกันอีกวันตามแพลนจวบจนอาหารทุกอย่างพร้อม แม่แอนนาจึงได้เดินขึ้นไปเพื่อปลุกให้แอนนามารับประทานอาหาร แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นแอนนาไม่ได้นอนหลับอย่างที่คิด หากแต่เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงและหัวเราะ แม่แอนนาจึงถามอาการของเธอ ทว่าสิ่งที่น่าตกใจคือ แอนนากลับตอบอีกฝ่ายเป็นภาษาไทยทั้งที่ความจริงเจ้าตัวพูดภาษาไทยไม่ได้เลย เธอพูดว่า “ลูกเอ็งทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้ มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ข้าจะทำให้มันรู้ว่า อะไรที่ไม่ควรเล่น!”
เมื่อว่าจบ แอนนาก็กระโดดลงจากเตียงและรีบเปิดหน้าต่างพร้อมกับปีนมายืนที่หลังคาชั้นสองท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้ใหญ่ทุกคนที่เห็นแอนนาพอดี ซึ่งแอนนาก็ได้แสยะยิ้มให้ทุกคนที่กำลังมองเธออยู่พร้อมพูดว่า “มันทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้ พวกเอ็งดูไว้!” จบคำ…แอนนาก็ปล่อยร่างตัวเองให้ดิ่งลงจากหลังคาบ้านจนร่างตกลงมากับพื้นคอหักเสียชีวิตคาที่ทันทีท่ามกลางความเสียใจของทุกคน โดยเฉพาะพ่อกับแม่แอนนาที่ไม่มีโอกาสได้ห้าม เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากวันนั้นพ่อแม่แอนนาจึงนำตุ๊กตานางรำไปคืนที่วัดแห่งนั้น และจัดงานศพให้แอนนาท่ามกลางการสูญเสียที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งพวกเขาจะจดจำมันไปตลอดชีวิต
![](https://mootelooclub.com/wp-content/uploads/2022/11/บอร์ดงาน-PBN5-1.jpg)
ข้อคิดจาก เรื่องราวสยองขวัญของไม่น่าเล่น
สำหรับ เรื่องลี้ลับ เรื่องราวสยองขวัญของไม่น่าเล่น มีข้อคิดที่ทำให้เรารู้ว่า เวลาไปตามสถานที่ต่าง ๆ หรือจะให้เด็กทำอะไร ผู้ใหญ่จะต้องมีการชี้แนะและเตือนในสิ่งสำคัญที่เด็กควรรู้ไว้ก่อนเสมอ ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดเรื่องอันตรายและเรื่องเดือดร้อนที่เราคาดไม่ถึงกับเด็กได้
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days