เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยิน เรื่องลี้ลับ มามากมายแล้วกับคำว่า “ผีทะเล” “ผีน้ำ” “ผีมหาสมุทร” หรือ “ผีพราย” ซึ่งบางคำก็เป็นคำที่ติดตลก พอได้ยินทีไรก็มักจะนึกถึงคำแซวกันเล่น ๆ ในเชิงหยอกล้อกันว่า อีกฝ่ายชอบพูดเรื่องไร้สาระ หรือทำอะไรที่มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำจนบางคนเดือดร้อนหรือโกรธ หงุดหงิด รำคาญกันก็มี แต่คุณรู้หรือไม่ว่า คำเหล่านี้ก็สามารถใช้ตรงตัวได้กับสิ่งที่เป็นวิญญาณ ปีศาจ หรือภูตผีได้จริง ๆ เหมือนกัน เพราะบางคนอยู่กับบ้านหรือป่าที่ติดกับแหล่งน้ำก็มักจะเจอศพที่ลอยน้ำมา บ้างก็มักจะได้ยินเสียงแปลก ๆ ได้แม่น้ำ คูคลอง หรือบางทีก็เห็นคนดำผุดดำว่ายตอนกลางคืนแบบหลอน ๆ ก็เจอกันมาเยอะแล้วเหมือนกัน ซึ่งพวกนี้จะถูกเรียกว่า “ผีพราย” แต่สำหรับผีทะเลแล้ว น่าแปลกที่ผู้คนกลับไม่ค่อยเจอ อาจจะเป็นไปได้เหมือนในความเชื่อของชาวคริสต์ที่กล่าวว่า ทะเลคือแหล่งน้ำที่ลึกล้ำ กว้างจนเห็นผืนฟ้าจรดกับผืนน้ำได้เด่นชัด ทำให้การนำเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิตไปลอยอังคารที่ทะเลจะทำให้ดวงวิญญาณไปสู่สรวงสวรรค์ได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด แต่สำหรับบางดวงวิญญาณอาจจะมีข้อยกเว้นทำให้ต้องอยู่ใต้ทะเลก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดประสบการณ์ขนลุกของผู้เล่าทางบ้านที่ได้บอกถึงการพบเจอ “ผีพรายทะเล” หรอก!
เรื่องราวประสบการณ์เจอ “ผีพรายทะเล”
ประสบการณ์เจอ “ผีพรายทะเล” ผู้เล่าได้พาเราย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ตนและกลุ่มเพื่อนสนิทที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ได้ตัดสินใจที่จะใช้เวลาในช่วงวันหยุดยาวเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครมาเที่ยวที่ทะเลในอำเภอหนึ่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตามสไตล์ของวัยรุ่นไฟแรงที่เพิ่งมีอิสระได้ออกมาอาศัยคนเดียวและเจอเพื่อนใหม่จึงอยากลองซ้อนมอเตอร์ไซค์กันเป็นกลุ่มแบบเฟี้ยว ๆ จนมาถึงที่พักริมทะเลที่จองไว้ช่วงค่ำ ๆ จึงได้เก็บสัมภาระแล้วพากันออกมาซื้ออาหารทะเลปิ้งย่างพร้อมเครื่องดื่มที่ตลาด ก่อนจะตรงมายังจุดหมายที่ชายหาดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของพวกเขานัก ซึ่งทุกคนตั้งใจว่าจะมาแฮงค์เอ้าท์จับกลุ่มก่อกองไฟนั่งกิน นั่งดื่ม ชมดาว รับลมเย็น ๆ พร้อมฟังเสียงคลื่นริมทะเลกันชิลล์ ๆ แล้วเที่ยงคืน – ตี 1 ก็ค่อยเดินทางกลับที่พัก ด้วยเพราะที่พักของพวกเขาเป็นแบบยื่นออกมาในทะเลท่ามกลางโขดหินจึงไม่มีชายหาด และชายหาดบริเวณนี้ในสมัยนั้นก็มีแต่ต้นไม้เต็มสองข้างทางไปหมด บ้านก็มีเพียงประปรายทำให้บรรยากาศสงบ เหมาะกับการทำกิจกรรมครื้นเครง
นานจนเวลาผ่านไปจนถึง 3 ทุ่มกว่า ๆ พวกเขาที่รู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นและอาหารเริ่มจะหมดก็ได้เปลี่ยนกันละจากกินมาชวนกันเล่าเรื่องผีแทน ซึ่งแต่ละคนก็เล่าเรื่องผีที่ตัวเองเคยพบซึ่งน่ากลัวบ้าง ไม่น่ากลัวบ้าง จนมาถึงช่วงที่ผู้เล่ากำลังจะบอกกับเพื่อนว่าตัวเองไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าเลย สายตาของเขาก็ไปปะทะเข้ากับบางสิ่งที่มีลักษณะเหมือนลูกบอลกลม ๆ โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำทะเลตรงช่วงที่เป็นน้ำตื้น ไม่ห่างจากพวกเขาเท่าไหร่ ด้วยตรงกับจุดที่แสงจากกองไฟสาดถึงพอดีทำให้เขาพอมองเห็นได้ลาง ๆ จึงเกิดความสงสัย เพราะเมื่อกี้ยังไม่เห็นมีเลย จึงเอ่ยถามเพื่อนพร้อมชี้ให้ทุกคนดู ซึ่งทุกคนต่างก็สงสัยในลูกบอลปริศนาไม่ต่างกับผู้เล่า ด้วยพอมองดูดี ๆ แล้วลักษณะของลูกบอลนั้นเหมือนจะมีเส้นสีดำ ๆ บางอย่างมาปกคลุมส่วนหนึ่งด้วยทำให้บางคนเดาว่า มันอาจจะเป็นมะพร้าวหรือไม่? แต่เหตุใดถึงไม่ลอยตามคลื่นเลย นั่นทำให้ความสนใจการเล่าเรื่องผีถูกลืมไปโดยปริยาย
ทุกคนต่างพากันเพ่งมองวัตถุนั้นอยู่นาน จนความขนลุกปนสะพรึงก็ได้เกิดขึ้นเมื่อสิ่งที่พวกเขาคิดว่า เป็นลูกบอลหรือลูกมะพร้าวเริ่มค่อย ๆ โผล่ส่วนด้านล่างขึ้นมาเป็นใบหน้าของคนที่ผอมซีด ดวงตาแข็งกร้าวถมึงทึงจ้องมาทางพวกเขาอย่างไม่วางตาราวกับรู้ว่ามีคนเห็นแล้ว ก่อนที่เจ้าของใบหน้านั้นจะค่อย ๆ ลอยมาตามน้ำทะเลเข้าใกล้ชายหาดมากยิ่งขึ้นจนระดับน้ำที่เริ่มตื้นทำให้พวกเขาเริ่มเห็นถึงร่างของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีร่างสูงใหญ่แบบคน ผิวหนังเหี่ยวย่นแบบคนแก่จนดูไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ผมบางที่มีเพียงน้อยเส้นยาวถึงกลางหลัง และที่น่าแปลกคือ สิ่งมีชีวิตนั้นมีนิ้วเท้ากับนิ้วมือเป็นพังผืด ผิวที่ควรเป็นสีขาวก็เป็นสีออกฟ้า ๆ ดวงตาแดงก่ำนั้นจ้องมาที่ทุกคนอย่างไม่วางตาราวกับเป็นเหยื่อชั้นดี ทำให้ทุกคนที่ตกใจรีบพากันจูงมือกันวิ่งหนีขึ้นฝั่งไปยังรถที่จอดโดยทิ้งสิ่งของอาหารทุกอย่างไว้ที่ชายหาดตรงนั้น คิดว่าอยู่ไม่ได้แล้ว ชายหาดนี้!
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังจะสตาร์ทรถ ผู้เล่าที่กลัวว่า สิ่งมีชีวิตนั้นจะตามมาทันจึงรีบหันไปมองจึงพบว่า บัดนี้มันได้ขึ้นมายืนอยู่บนชายหาดแล้ว แต่พอจะรีบตรงดิ่งขึ้นมายังชายหาดเพื่อตามพวกเขา ร่างของมันกลับปะทะเข้ากับแสงจากไฟที่ยังลุกโชนอยู่ในกองที่พวกเขาก่อไว้ทำให้เหมือนมันรีบถอยออกห่างอย่างรวดเร็วและมองพวกเขาอย่างโกรธแค้นก่อนจะกลับลงทะเลไปเหมือนเดิม ซึ่งเมื่อเห็นอย่างนั้น ผู้เล่าก็บอกให้ทุกคนรีบออกรถกันเลย จนพวกเขาได้มาถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ ก่อนที่เช้าวันต่อมาช่วงกลางวันจะพากันมาเก็บขยะและอาหารที่ทิ้งไว้ที่ชายหาด โชคดีที่เวลานี้คนมาชายหาดกันเยอะทำให้ไม่ต้องกลัวว่าสิ่งลี้ลับอย่างผีพรายทะเลนั้นจะโผล่มาอีก หลังจากนั้นพวกเขาจึงเดินทางกลับกรุงเทพมหานครและไม่เคยลืมเรื่องนี้ที่เป็นปริศนา!
ข้อคิดจาก ประสบการณ์เจอผีพรายทะเล
ประสบการณ์เจอ เรื่องลี้ลับ ผีพรายทะเลได้ให้ข้อคิดไว้ว่า ในทุกสถานที่ย่อมจะมีผีและดวงจิตดวงวิญญาณเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวก็ตาม เราสามารถไปทำกิจกรรมได้อย่างสนุกสนาน แต่อย่าได้ไปทำอะไรที่เป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่ ไม่เช่นนั้นเจ้าของสถานที่อาจจะไม่ชอบก็ได้ อย่างพวกผู้เล่าก็อาจจะไปทำเสียงดังรบกวนผู้ที่อยู่ใต้ทะเลมากเกินไป เขาจึงได้ขึ้นมาเพื่อบอกให้รู้ก็เป็นได้!
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days