สำหรับ เรื่องลี้ลับ เมื่อกล่าวถึง “เงือก”แล้ว ไม่ว่าใครก็ย่อมจะนึกถึงภาพของอมนุษย์เหล่านี้ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลของมหาสมุทรใดมหาสมุทรหนึ่งที่แสนกว้างใหญ่ฟีลแอเรียลกับเจ้าชายอีริคอย่างแน่นอน แต่ใครบ้างจะรู้ว่า แท้จริงแล้วนางเงือกไม่ใช่เผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่อยู่ได้แค่ในน้ำเค็มอย่างทะเลเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในทุกสภาพแหล่งน้ำ ไม่เว้นแม้แต่แหล่งน้ำจืดอย่างแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือแม้แต่น้ำตก! ขอแค่พื้นที่แหล่งน้ำตรงนั้นมีความลึกที่มากพอในการซ่อนตัวของเหล่าเงือกเท่านั้น ซึ่งหากเป็นในสมัยก่อน พวกเขาก็อาจจะสามารถอยู่ในแม่น้ำลำคลองได้ แต่เพราะในเวลานี้มนุษย์ได้ไปทำสิ่งก่อสร้างใต้น้ำและมีตึกรามบ้านช่องเรียงรายครอบคลุมแทบไม่เหลือช่องว่างให้พวกเหงือกแอบขึ้นมานั่งเล่นบนตลิ่งเลย แถมยังมีการปล่อยของเสียลงแม่น้ำ รวมถึงทำกิจกรรมทางน้ำมากมายกว่าเมื่อก่อนด้วยทำให้เงือกพากันย้ายออกไปอยู่ตามทะเลเป็นส่วนใหญ่อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้ตามเรื่องเล่าขานสากล แต่วันนี้เราจะมาเล่าถึงเรื่องเล่ามุมเล็ก ๆ สุดน่าเหลือเชื่อของ “นางเงือก ย่านบางกอกน้อย” กัน! ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงจนผู้เฒ่าผู้แก่ที่อาศัยอยู่ติดแม่น้ำย่อมไม่พลาดนำมาบอกเล่าแก่ลูกหลานตัวเองกันเยอะมากจนกลายเป็นตำนานเลยก็ว่าได้
เรื่องเล่าตำนานนางเงือก ย่านบางกอกน้อย

“ตำนานนางเงือกย่านบางกอกน้อย” เป็นตำนานที่ถูกเล่าขานกันมานมนานของชาวบ้านที่อาศัยในคลองบางกอกน้อยเมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งบริเวณที่ผู้คนมักเจอนางเงือกกันมากที่สุด คือ ท่าเรือสถานีรถไฟบางกอกน้อย และท่าน้ำหน้าวัดสุวรรณคีรี
โดยตำนานนางเงือกย่านบางกอกน้อยที่มีผู้เห็นชัดเจนที่สุด คือ เรื่องเล่าจากปากของ “ยายหนอม สุวรรณเตมีย์” อดีตคนขายยาไทยประจำคลองบางกอกน้อยที่เธอได้กล่าวถึง เหตุการณ์แปลก ๆ ซึ่งมักเกิดขึ้นหน้าแพของยายหนอมบ่อย ๆ ในตอนกลางคืน บางคืนจะได้ยินไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยเสียงเล็ก ๆ ไม่คุ้นหูซึ่งพูดคุยเล่นกันเป็นที่สนุกสนาน แต่ด้วยสมัยก่อน ผู้เฒ่าผู้แก่เชื่อว่า หากได้ยินเสียงใด ห้ามออกไปดูเพราะอาจเป็นผีสางหรือคนที่ปล่อยของออกมาซึ่งหากไปตามเสียงก็อาจถูกของเข้าตัวได้ ท่านจึงเอาแต่ทำกิจโดยพยายามไม่สนใจจนกลายเป็นความเคยชิน
จนกระทั่งคืนหนึ่งซึ่งเป็นคืนเดือนหงาย แสงจันทร์ส่องอร่ามไปทั่วท้องน้ำทำให้เห็นสภาพแวดล้อมได้ชัดเจน ยายหนอมที่นั่งอยู่ใกล้กลับหน้าแพพอดีก็บังเอิญลุกขึ้นมาและตาของท่านก็ไปสบเข้ากับ 3 บุคคลปริศนาที่อยู่บริเวณหน้าแพซึ่งยังคงหัวเราะเสียงเดิมอย่างรื่นเริงใจ ท่านตกใจแทบช็อค เมื่อเห็นว่าเหล่าบุคคลปริศนาที่นั้นเป็นมีร่างกายท่อนบนเหมือนคน แต่ท่อนล่าง “มีหางเหมือนปลา!” ซึ่งก็คือ “นางเงือก” นั่นเอง!! เงือกตนแรกเป็นหญิงสาวผิวพรรณงามดุจไข่มุกกำลังใช้มือยันแพขึ้นจากน้ำมาคว้ากระจกส่องหน้า ถัดไปข้าง ๆ ก็มีเงือกผู้หญิงและเงือกผู้ชายที่ดูมีอายุหน่อยกำลังขึ้นจากน้ำเช่นกัน หางที่เป็นปลาก็พัดโบกน้ำเสียงดังเป็นจังหวะขึ้นลง เสียงเหมือนปลาตัวใหญ่ ๆ

ยายหนอมลอบมองค้างอยู่อย่างนั้นด้วยความตกใจจนสายตาของเงือกสาวได้มาประจันหน้ากับท่าน ทำให้เงือกสาวตกใจรีบพาอีกสองตนกระโดดหนีลงน้ำไปทิ้งไว้เพียงกระจกเรือนงามของเธอที่หน้าแพเท่านั้น ก่อนที่ในคืนต่อ ๆ มา ท่านจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย จึงคิดว่า พวกเงือกอาจจะกลัวถูกยายหนอมมาแอบดูอีกและอาจเป็นอันตรายต่อพวกตนก็ได้
เรื่องปัจจุบันของ “ตำนานนางเงือกย่านบางกอกน้อย”
เรื่องลี้ลับ “ตำนานนางเงือกย่านบางกอกน้อย” ในปัจจุบันไม่มีใครที่พบเห็นนางเงือกเหมือนเมื่อก่อนแล้วจนกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขานเท่านั้น ซึ่งล่าสุด รายการช่องส่องผีก็ได้นำบุคคลที่มีจิตสัมผัสสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดจนได้รู้ว่า เมื่อก่อนที่คลองบางกอกน้อยมีนางเงือกอยู่จริงและมีจำนวนหลายครอบครัวด้วย แต่พอมาถึงยุคใหม่ที่มีการปล่อยของเสียลงน้ำและธรรมชาติเริ่มน้อยลงจนมีแต่ตึกรามบ้านช่องร้านอาหารที่ทำให้คนมานั่งกินอยู่ริมน้ำกันเยอะทำให้พวกเงือกใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก จึงพากันย้ายออกไปสู่บริเวณปากน้ำแถวสมุทรปราการและบ้างก็ออกสู่ทะเลกันหมด เพราะมีปลอดภัยกว่า เวลานี้คลองบางกอกน้อยจึงมีแค่พวกปลากับพรายน้ำที่คนขับเรือต้องระวังเรื่องตัวตายตัวแทนเท่านั้น

อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days