หากจะกล่าวถึงต้นกำเนิดของแวมไพร์ เรื่องลี้ลับ หรือผีดูดเลือดที่ใครต่อใครก็หวั่นเกรงและกลัวกันมากไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่หรือคนทั่วโลกก็ย่อมที่จะรู้จักกันทั้งนั้นเพียงแค่พูดชื่อ “แดร็กคิวล่า” ใครต่อใครก็ต้องขนลุกจนต้องรีบปิดประตูบ้านกันหลังจากอาทิตย์ตกดินกันทั้งนั้น โดยเฉพาะช่วงแรกที่ ตำนานแดร็กคิวล่า แพร่หระจายออกไปก็ทำให้คนโรมาเนียเกิดการลือกันปากต่อปากว่า บน “ปราสาทบราน” มีเคานต์แดร็กคิวล่าที่นอนหลับใหลอยู่ในหีบเก็บความเย็นของห้องลับซึ่งพระอาทิตย์ตกดินเมื่อไหร่ก็จะออกมาล่าเหยื่อโดยการดูดเลือดจนหมดตัวทำให้ศพผอมซูบซีดแห้งกรังอย่างน่าหวาดผวามาก โดยเฉพาะผู้หญิงพรหมจรรย์ที่เป็นเหยื่อสำคัญของแดร็กคิวล่า ทำให้พวกงานรื่นเริงยามค่ำคืนของเมืองต่าง ๆ ในประเทศโรมาเนียที่อยู่ใกล้กับปราสาทบรานไม่ค่อยมีใครกล้าออกมาอยู่นานกว่าเรื่องของแดร็กคิวล่าจะเงียบลงและมีคนที่คิดว่าเป็นเพียงแค่ในหนังสือวรรณกรรมเท่านั้นจริง ๆ ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณมาบอกเล่าถึงเรื่องราวและข้อเท็จจริงของตำนานกัน
เรื่องราวสยองขวัญ “ตำนานแดร็กคิวล่า”

“ตำนานแดร็กคิวล่า” เป็นเรื่องราวจากวรรณกรรมของนักเขียน “บราม สโตกเกอร์” บอกเล่าถึง ขุนนางผู้หนึ่งซึ่งถูกคำสาปติดตัวทำให้กลายเป็นผีดิบ ซึ่งในเวลากลางวัน เขาไม่สามารถถูกแสงแดดได้จึงต้องนอนพักเอาแรงในภาวะจำศีลอยู่ในโลงเย็นบ้างก็ว่าอยู่ในหีบด้วยเสื้อผ้าหรูหราที่ทุกคนจำเขาได้ดีในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำด้านนอกและด้านในมีสีแดงตัดกันอย่างน่าขนลุกภายในห้องนอนของปราสาทบรานบนเขาสูงอันโดดเดี่ยวท่ามกลางป่าไม้รกทึบ และเมื่อตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนก็จะมีเขี้ยวที่ยาวแหลมพร้อมด้วยพลังออกมาปะปนกับกลุ่มผู้คนและล่อหลวงหญิงสาวมาดูดเลือดอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะเลือดของหญิงสาวที่เป็นลูกของเหล่าขุนนางซึ่งเขาสามารถเข้าถึงตัวได้ง่ายที่สุดตามงานเลี้ยง จนกลายเป็นความน่ากลัวมาถึงในยุคนี้

เรื่องจริงที่เป็นต้นกำเนิด “ตำนานแดร็กคิวล่า”
เรื่องลี้ลับ ตำนาน แดร็กคิวล่า มีต้นกำเนิดมาจากบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ผู้ได้ชื่อว่าเลือดเย็นเหมือนเคานต์แดร็กคิวล่า เขาคือ “วลาดที่ 3” ผู้ครองแคว้นทรานซิลวาเนีย ประเทศโรมาเนีย และเป็นเจ้าของปราสาทบรานด้วย พระองค์เป็นนักรบผู้ทรมานเชลยที่จับมาได้อย่างโหดเหี้ยมทุกรูปแบบในห้องใต้ดินลับ ๆ ซึ่งว่ากันว่า ห้องประทับนอนของวลาดที่ 3 อยู่ตรงกับจุดที่ด้านล่างเป็นห้องใต้ดินนั้นด้วย เพราะพระองค์ชอบเสียงกรีดร้องโหยหวนของเหล่านักโทษมากเวลาที่นอนในยามราตรี แม้แต่ในยามรบก็เรียกได้ว่า พระองค์เป็นผู้ที่เก่งกาจและน่ากลัวในฝีมือการต่อสู้ขณะเดียวกัน ซึ่งมักจะเลือกฆ่าตัดศีรษะของคู่ต่อสู้ในสนามรบและเอามาเสียบประจานเป็นหลักจนอีกฉายาของพระองค์ คือ “วลาดจอมเสียบ” นั่นเอง ด้วยความกระหายเลือดในสงครามทำให้พระองค์มีภาพลักษณ์ที่โหดเหี้ยมในสายตาของชาวโรมาเนียอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และมีการเล่ากันปากต่อปากว่า แม้พระองค์จะเสียชีวิตไปนานและปราสาทบรานก็เปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่ยังคงเดินไปเดินมาแล้วได้ยินเสียงหัวเราะที่น่ากลัวของพระองค์ดังมาจากโซนห้องห้ามเข้าและบางคนที่ทำผิดก็มักจะถูกสิงสู่หรือไม่ก็ของเข้าตัวจนกลายเป็นคนน่ากลัว ต้องให้หมอผีมาไล่อยู่นานก็มี จึงกลายเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจของวลาดแดร็กคิวล่า แม้ว่าพระองค์จะไม่ใช่ผีดิบก็ตาม

อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days