ผีเจียงซือหรือที่คนไทยเรียกติดปากกันว่า ผีกองกอย เป็นผีจีนที่เราต่างเคยเห็นผ่านตากันมาแล้ว โดยเฉพาะในภาพยนตร์เก่าที่โด่งดังอย่างเรื่อง ผีกัดอย่ากัดตอบ หรือตามเกม การ์ตูนต่างๆ ผีกองกอยเป็นผีดิบจีนที่ขาถูกมัดติดกัน มียันต์แปะอยู่บนหน้าผาก แขนทั้งสองข้างชี้ไปข้างหน้า ตอนกระโดดจะร้อง กอยกอย กอย คนถึงได้เรียกกันว่าผีกองกอย ถ้ายันต์ที่หน้าผากหลุดออกจะกลายเป็นผีดิบ มีเขี้ยวแหลมคมไว้ใช้สำหรับกัดคอดูดเลือดคนจนขาดใจตาย
ที่มาของผีกองกอย
ผีกองกอยแท้จริงแล้วเป็นความเข้าใจผิดของคน หรือการมโนไปเองจากสิ่งที่เห็นในพิธีกรรมขนศพของชาวจีน ประเทศจีนสมัยก่อนตอนยังไม่มีรถขนศพ เมื่อมีคนตายแล้วทางบ้านที่อยู่ห่างไกลต้องการนำศพมาฝังไว้ที่บ้านเกิด จะทำการจ้างนักพรตให้ไปเดินเท้าขนศพกลับมาให้ โดยวิธีการขนศพของนักพรตนี่แหละคือที่มาของผีกองกอย วิธีการขนศพดังกล่าว นักพรตสองคนจะใช้ไม้ไผ่ด้ามยาวสองด้าม มัดแขนศพติดไว้ ในท่ายืนแบบเดียวกับผีกองกอย ทั้งยังมัดขาทั้งสองข้างของศพไว้ติดกันด้วย ตัวนักพรตทั้งสองคนก็แบ่งกันจับด้านหัวและท้ายของไม้ไผ่ เวลาขนศพเดินไปผู้คนที่พบเห็นจึงปรุงแต่งกันไปเองว่าเป็นศพกระโดดได้ โดยการขนศพนี้ในตอนกลางคืนเหล่านักพรตจะเคาะฆ๊อง เป็นการบอกกล่าวให้ทุกบ้านปิดประตูหน้าต่างอย่าออกมาดูเพราะถือว่าเป็นพิธีอัปมงคล ใครพบเห็นจะโชคร้าย ตามเรื่องเล่าใส่สีตีไข่กันไปว่า เหล่านักพรตขี้เกียจหามศพจึงให้หมอผีมาปลุกวิญญาณคนตาย เรียกได้ว่าผีกองกอยเป็นซอมบี้หรือผีดิบเลยก็ว่าได้ โดยหมอผีจะพาศพที่ปลุกขึ้นมาเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางเมื่อเกิดลมพัดแรงหรือเหตุสุดวิสัยอื่นที่ทำให้ยันบนหน้าผากซึ่งหมอผีแปะไว้เพื่อควบคุมวิญญาณหลุด ผีกองกอยจะอาละวาด ส่วนวิธีไล่ผีกองกอยนั้น ค่อนข้างมีวิธีการที่แปลกประหลาดเลยทีเดียว คือ ให้โยนเมล็ดข้าวหรือเมล็ดพันธุ์พืชลงบนพื้น ผีกองกอยจะเลิกไล่ตามเราแล้วหยุดนับเมล็ดก่อน พอถึงรุ่งเช้าผีกองกอยจะกลับมาเป็นศพดังเดิม ตอนนั้น เราต้องหาให้เจอว่ามันไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ให้รีบเอายันต์มาติดเสีย หากไม่มีเมล็ดข้าวก็มีอีกวิธีหนึ่ง คือ กลั้นหายใจแล้วผีจะมองไม่เห็น ส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าการกลั้นหายใจเป็นเหมือนการแกล้งตายให้ผีเข้าใจว่าเราเป็นพวกเดียวกับมันมากกว่า ในเรื่องเล่าผีกองกอยมีความน่ากลัวมาก เพราะมีพละกำลังจนสามารถพังประตูบ้านคนได้ ฟันของมันเองก็แหลมคมมาก
มีการสันนิษฐานว่าผีกองกอยนั้น มักจะเป็นผีของราชวงศ์หรือคนที่มีเงิน เพราะพิธีการขนศพดังกล่าวต้องใช้เงินในการจ้างนักพรตเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมาถึงยุคปัจจุบันเรื่องราวของผีกองกอยก็ค่อยๆเลือนลางลงไป เพราะไม่มีการขนส่งศพแบบในสมัยก่อนอีกแล้ว
