หากเวลานี้คุณกำลังมีแพลนจะไปท่องเที่ยวที่ต่างจังหวัดท่ามกลางขุนเขาที่สวยงาม ได้ถ่ายรูปเก็บเรื่องราววิวดี ๆ ละทางล่ะก็ไม่ว่าอย่างไรอย่าลืมล่ะว่า คุณต้องรีบเดินทางไปให้ถึงที่พักก่อนจะมืด ไม่เช่นนั้นนอกจากจะทำให้มีปัญหาในการเช็กอินหรือการหาที่พักแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องอันตรายในการเดินทางขับรถบนถนนเลียบไหล่เขาเวลากลางค่ำกลางคืนที่ไม่ค่อยมีไฟตามข้างทางด้วย ยิ่งหากคิดจะจอดรถพักข้างทางสักหน่อยก็ไม่น่าไว้วางใจมากพอ เพราะแถวถนนเลียบไหล่เขาที่ด้านหนึ่งเป็นผนังเขาสูงและอีกด้านหนึ่งเป็นหุบเหวที่ลาดลงไปท่ามกลางแมกไม้ป่าทึบ ๆ นั้น เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเจอขโมยหรือโจรที่ประสงค์ร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สินของเราหรือไม่ และอีกกรณีหนึ่งที่น่ากลัวไม่แพ้กัน คือ…เราอาจได้พบเจอกับผ.ผีก็ได้ เพราะตามป่าเขาเป็นสถานที่สิงสถิตของสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว หากคุณไม่อยากเจอ ประสบการณ์สยอง เรื่องลี้ลับ ขนหัวลุกแบบผู้เล่าก็จงอย่าประมาท!
ประสบการณ์สยอง “ศาลาสยองข้างทางกาญจนบุรี”

เรื่องเล่าประสบการณ์สยอง “ศาลาสยองข้างทางกาญจนบุรี” ได้บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนร่วมงานสองคนที่ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ออกจากจังหวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อเดินทางไปทำธุระยังอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งพวกเขามองว่า รถมอเตอร์ไซค์มีความคล่องตัวในการขับขี่บนถนนเลียบไหล่เขามากกว่า เพราะมีขนาดเล็ก ยิ่งต้องขึ้นถนนชัน ๆ ที่ทางไม่ใหญ่นักช่วงเข้าไปในแยกที่จะเข้าสู่อำเภอสังขละบุรีด้วย รถใหญ่ยิ่งขับแล้วลำบากสำหรับพวกเขามาก นอกจากนี้เผื่อขับรถผ่านจุดชมวิวระหว่างทางดี ๆ จะได้แวะพักชมวิวธรรมชาติสวย ๆ เพื่อเป็นการหาโอกาสพักผ่อนไปด้วยในตัว
พวกเขาขับรถออกจากจังหวัดของตัวเองมาตั้งแต่ช่วงเกือบเที่ยงจนเข้ามาสู่ช่วงถนนเลียบไหล่เขาที่จะเข้าสู่อำเภอสังขละบุรี จู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาหนักแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจนทำให้พวกเขาไม่สามารถขับรถต่อไปได้จึงพยายามช่วยกันรีบสอดส่องหาจุดที่พอจะจอดรถเพื่อหลบฝนได้ ซึ่งพอดีกับที่ข้างหน้าริมทางมีศาลาริมเขาข้างทางขนาดใหญ่พอดีจึงรีบบึ่งรถไปจอดแล้วรีบเข้ามาหลบฝน
ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งหลบฝนอยู่ก็ได้แต่พากันบ่นว่า แบบนี้จะไปถึงบ้านลูกค้าทันได้อย่างไร รู้งี้น่าจะออกมาก่อนเวลา แถมพอจะโทรไปบอกลูกค้าว่าขอเลื่อนเวลานัดก็ไม่มีสัญญาณอีกเพราะอยู่บนเขาสูง รอบด้านเต็มไปด้วยป่าไม้และยิ่งเวลาผ่านไปหมอกก็ยิ่งลงหนามากขึ้น ในขณะที่พวกเขาหัวเสียอยู่นั่นเองก็พบว่า มียายคนหนึ่งที่แต่งชุดผ้าลูกไม้สีขาวและท่อนล่างนุ่งผ้าซิ่นลายพื้นเมือง ในมือถือของท่านข้างหนึ่งถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยหมากพลูและผลไม้ป่าเต็มไปหมดและมืออีกข้างถือไม้เท้าพยุงไม่ให้ล้ม คุณยายเดินมาจากไหนไม่รู้ แต่ท่านค่อย ๆ เดินเข้ามาหลบฝนร่วมกับพวกเขาทั้งสองในศาลาข้างทางก่อนที่จะนั่งและปากที่เต็มไปด้วยน้ำหมากสีแดงก็เอ่ยถามออกมาว่า “มาเที่ยวหรือหลาน ๆ” ซึ่งทั้งคู่ก็ได้บอกว่า พวกตนมีนัดคุยงานและส่งของให้ลูกค้าที่สังขละ แต่ฝนตกจึงมาหลบที่นี่ คุณยายจึงบอกพวกเขาว่า
“จะไปได้หรือ ฝนตกหนักแบบนี้น่าจะนานจนเย็นค่ำเลย แถมหมอกก็ลงหนาอีก อันตราย ๆ พักที่ศาลานี้ก่อนไหม แล้วพรุ่งนี้ค่อยเดินทาง บ้านยายอยู่ด้านล่างเนินใต้ศาลาข้างทางนี่เอง เดี๋ยวจะเอาเสื่อ ที่นอนกับมุ้งมากางให้ ยายอยู่คนเดียวนี่ล่ะ พอดีเพิ่งกลับจากตลาดในอำเภอ”
พอพวกเขาสองคนได้ยินก็ถึงกับรีบชะเง้อออกไปมองด้านหลังศาลาที่พวกเขาเพิ่งจะเห็นว่าจุดนี้ไม่ได้เป็นหุบเหวลึกแบบจุดอื่นไปเลย แต่มีทางเดินเล็ก ๆ บนเนินที่ลาดเอียงลงไปซึ่งพอให้คนเดินได้ แต่ป่าไม้ก็ค่อนข้างทึบ แถมหมอกก็ลงหนาจนไม่เห็นว่าด้านล่างมีสภาพเป็นอย่างไร แล้วคุณยายอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนเองจะไม่อันตรายหรือ? แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งสำคัญกว่า คือ พวกเขาควรคิดมากเรื่องที่อาจจะไปไม่ทันถ้าคุณยายที่เป็นคนในพื้นที่พูดแบบนี้ แต่ก็อยากจะลองดูหน่อยเผื่อว่าหมอกกับฝนจะซาแบบฟลุก ๆ
แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงจนตะวันเริ่มตกดิน แม้ฝนจะซาเม็ดหน่อย แต่หมอกก็หนามากกว่าเดิมจนแทบมองไม่เห็นเส้นสีเหลืองเลยจนพวกเขาคิดว่าคงไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเดินทางกลางค่ำกลางคืนตามถนนบนเขาได้จึงต้องรบกวนคุณยายขอมุ้งกับเครื่องนุ่งห่ม แล้วกะว่าพรุ่งนี้จะรีบตื่นกันแต่เช้าเพื่อเดินทางเข้าสังขละทันที เรื่องขอโทษลูกค้าเอาไว้ทีหลัง

สีหน้าคุณยายดูจะโล่งใจมากที่พวกเขาตัดสินใจเช่นนี้ ท่านจึงเดินหายลงไปยังบ้านที่อยู่ข้างล่างสักพักใหญ่ก่อนที่จะนำเครื่องนอนกับมุ้งขึ้นมาให้ทั้งสอง พร้อมกับให้ผลไม้แก่ทั้งคู่เพื่อทดแทนอาหารเย็นแล้วก็เข้าบ้านไม่ออกมาอีกเลย ตกกลางคืนพวกเขาจึงรีบเข้านอนเพื่อเก็บแรงไว้สำหรับพรุ่งนี้
บรรยากาศบนเขาในตอนกลางคืนยิ่งดึกยิ่งหนาวจนทำให้ทั้งคู่เคลิ้มหลับอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอีกครั้ง นานกี่ชั่วโมงไม่รู้จนพวกเขาคนหนึ่งขอสมมุติให้ชื่อ “กร” กรสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่เดินเข้ามายังศาลาข้างทางที่พวกเขานอนอยู่ ซึ่งการลงเท้าแต่ละย่างก้าวมีความหนักมากจนเขารู้สึกได้
กรค่อย ๆ ลืมตาเล็กน้อยขึ้นมาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า ภาพที่เห็นเป็นคุณยายคนเดิมที่ตอนนี้มายืนอยู่นอกมุ้งภายในศาลา เพียงแต่เวลานี้หลังของคุณยายไม่ได้โก่งงุ้มเหมือนอย่างเมื่อกลางวันที่เจอ หากแต่ยืนตัวตรงได้เหมือนคนปกติพร้อมจ้องพวกเขาที่นอนอยู่ด้วยรอยยิ้มกว้างขึ้นจนแทบจะฉีกถึงใบหูราวกับกำลังรู้สึกชอบใจกับอะไรบางอย่างก่อนที่จะค่อยก้มตัวแล้วคลานเข้ามาจับมุ้งและเอาหน้าติดกับผ้าทำให้เขาได้เห็นใบหน้าสุดสยองคุณยายอย่างชัดเจน! ใบหน้าเหี่ยวย่นกำลังยิ้มกว้างจนเห็นฟันแหลมคมซี่เล็ก ๆ สีแดงที่เต็มไปด้วยหมากราวกับเลือด ฟันของคุณยายก็เหมือนฟันของปลามากกว่าจะเป็นฟันของมนุษย์ ดวงตาก็เป็นสีขาวทั้งดวง และยิ่งไปกว่านั้นลิ้นของคุณยายก็เลียแผลบ ๆ ราวกับหิวโหยมานานพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแหบว่า “กินคนไหนก่อนดีนะ” นั่นทำให้คุณกรที่เห็นถึงกับตื่นเต็มที่และรีบเขย่าตัวเพื่อนอีกคนที่หลับอยู่จนอีกฝ่ายสะดุ้งตื่นเช่นกัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้บ่นอะไรคุณกร สายตาของเขาก็ไปเห็นภาพของคุณยายที่ตอนนี้กำลังแลบลิ้นเลียมุ้งราวกับเจอเหยื่ออันโอชะพลางมือก็พยายามจะเลิกมุ้งขึ้นพร้อมกล่าวว่า “มันมีของดี ๆ กูเข้าไปไม่ได้!”
ภาพที่เห็นทำให้อีกฝ่ายที่เพิ่งตื่นเหมือนกันแทบจะตั้งสติไม่ทันสับสนว่า คุณยายใจดีเมื่อกลางวันแท้จริงแล้วคือตัวอะไรกันแน่! ฝ่ายกรเองเมื่อได้ยินยายพูดแบบนั้นด้วยความอารมณ์เสียก็รีบสำรวจสิ่งรอบตัวก่อนจะพบว่าที่ข้อมือของเพื่อนเขามีเครื่องรางอยู่ซึ่งน่าจะช่วยปกป้องพวกเขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็อยากจะออกไปจากตรงนี้เต็มทน หากให้อยู่แต่ในมุ้งคงได้แต่หวาดกลัวกอดกันแบบสั่น ๆ อยู่แบบนี้ เขาจึงแอบกระซิบกับอีกฝ่ายว่า รอจังหวะทีเผลอแล้วหนีดีไหม ซึ่งคนข้าง ๆ ก็พยักหน้า
แต่ไม่ว่าอย่างไร ยายคนนี้ก็ยังคงคลานไปคลานมาแล้วขยุ้มมุ้งพร้อมกรีดร้องอย่างมีโทสะพร้อมพูดคำเดิม ๆ ว่า “กูเข้าไม่ได้! กูหิว!” ทำให้พวกเขาไม่สามารถหาจังหวะใดออกไปได้เลย สุดท้ายพวกเขาจึงร่วมกันตั้งจิตขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาช่วยพวกเขาให้ออกจากศาลาข้างทางแห่งนี้ไปได้อย่างปลอดภัยด้วยเถิด ซึ่งจบคำขอไม่นาน จู่ ๆ ยายที่อยู่นอกมุ้งก็กรีดร้องเสียงหลงแบบแสบแก้วหูแล้วหันหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว พอพวกเขามองออกไปนอกมุ้งก็เห็นว่ามีแสงจากดวงอาทิตย์ตอนเช้าที่เพิ่งขึ้นสาดมาที่ศาลาซึ่งพวกเขาอยู่ ทั้งสองจึงคิดว่ามันเป็นโอกาสเหมาะแล้วจึงจับมือกันพากระโดดออกจากมุ้งด้วยความรวดเร็วแล้วมายังมอเตอร์ไซค์ แต่กลับสตาร์ทเครื่องไม่ติด! กรที่มองด้านหลังเห็นว่า ยายคนดังกล่าวดูจะรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาออกมาจากมุ้งจึงแสยะยิ้มแล้วตั้งท่าจะคลานมายังพวกเขาที่อยู่บนมอเตอร์ไซค์ ก็บอกให้เพื่อนเขาทิ้งมอเตอร์ไซค์ไว้ก่อนแล้วรีบวิ่งหนีให้เร็วที่สุด!
แม้จะไม่รู้ว่าควรวิ่งหนีไปที่ไหนดีเพราะมองเห็นแต่ป่าริมทางกับเหวลึกทั้งนั้น แต่ที่พวกเขารู้แน่ชัด คือ ต้องหนีให้พ้นจากเงื้อมือการเป็นอาหารของยายซึ่งกำลังคลานตามพวกเขามาตามถนนให้ได้ ทั้งคู่หวังว่าจะมีใครสักคนที่ช่วยพวกเขาได้ ขอแค่มีรถผ่านมาสักคันก็ยังดีจึงพากันวิ่งแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังจนสายตาพวกเขาไปเห็นว่าข้างหน้าห่างจากพวกเขาอีกไม่กี่ร้อยเมตรเหมือนมีหมู่บ้าน พวกเขาจึงรีบพากันเร่งฝีเท้ามากขึ้นในขณะที่ยังคงได้ยินเสียงของยายตามหลังมาเสมอว่า “กูจะกินพวกมึงให้ได้!”
จนกระทั่งพวกเขาวิ่งมาและเริ่มเจอกับกลุ่มคนในหมู่บ้านเล็ก ๆ ติดถนนที่อยู่ใกล้ ๆ ทางเข้า เสียงยายก็เงียบลง พอพวกเขาหันไปอีกครั้งก็พบว่ายายไม่อยู่แล้วจึงขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้านพร้อมเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ฟัง ทุกคนจึงพาพวกเขามาในตัวหมู่บ้านและหาน้ำหาอาหารให้พร้อมเล่าความจริงว่า

“ศาลาริมทางนั้นหลังคาผุมากนะ ไปนั่งไปนอนกันได้อย่างไร พวกคุณคงถูกสิ่งลี้ลับบังตาแล้วล่ะ แถมเนินเขาที่ลาดลงไปจากศาลาก็ไม่มีบ้านคนด้วยนะ มีทางเดินลงไปจริง แต่เป็นทางเดินให้ชาวบ้านไปกราบไหว้ศาลเพียงตาเมื่อก่อน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครลงไปนานแล้วเพราะจุดหนึ่งของเนินเขาที่เป็นทางเดินถูกฝนกัดเซาะจนชันอันตราย ศาลจึงเต็มไปด้วยป่ารกทึบที่ปิดตายทางเดินด้านใน พอศาลร้าง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่มาอยู่ เป็นไปได้ว่าพวกผีก็สามารถมาสิงเพื่อหาที่อยู่ได้ โดยเฉพาะปอบหรือพวกผีกะซึ่งชาวตะวันตกแถบนี้เชื่อกันอย่างมากว่าจะแอบอยู่ท่ามกลางป่าเขา”
เรื่องนี้จึงอาจเป็นไปได้ว่า ยายที่พวกเขาเจออาจจะเป็นวิญญาณข้างทางที่อยู่ในจุดนี้และไม่ได้รับการดูแลใด ๆ จึงหิวโหยและต้องการพลังของคนที่มาติดกับดักตรงจุดที่ตนเองอยู่พอดี ซึ่งพวกเขาก็แจ็คพอตมาก! ยังดีที่ชาวบ้านอาสาไปเอารถมอเตอร์ไซค์ให้พวกเขาและจะพาไปที่สังขละบุรีด้วย ไม่งั้นเสียทั้งงานและเสียทั้งความปลอดภัยในชีวิตแน่ ๆ
ข้อคิดจากประสบการณ์สยอง “ศาลาสยองข้างทางกาญจนบุรี”
เรื่องเล่าประสบการณ์สยอง “ศาลาสยองข้างทางกาญจนบุรี” ได้ให้ข้อคิดกับเราในเรื่องของการที่อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าง่าย ๆ หากยังไม่รู้จักมักจี่กับเขาดี เพราะอาจทำให้คนต่างถิ่นที่ไม่รู้อะไรอย่างพวกคุณเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางทีหากเป็นคนก็อาจน่ากลัวกว่าผีด้วยซ้ำ! ติดตามกันต่อได้ที่ เรื่องลี้ลับ
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days