พบกันอีกครั้งกับ เรื่องลี้ลับ หากกล่าวถึงหนึ่งในเขื่อนที่สวยงามแบบ Unseen Thailand อันดับต้น ๆ ของประเทศไทยแล้วล่ะก็ไม่ว่าใครย่อมต้องพูดถึง “เขื่อนเชี่ยวหลาน” เป็นเสียงเดียวกันว่า เขื่อนแห่งนี้แม้จะอยู่ไกลถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานีแต่ก็มีความสวยงามที่แปลกตากว่าเขื่อนอื่น ๆ ตรงที่สีของผืนน้ำขนาดกว้างสุดลูกหูลูกตาในเขื่อนนอกจากจะเป็นสีมรกตเหมือนกับทะเลแล้ว ยังเต็มไปด้วยเกาะกลางน้ำและเขาหินปูนขึ้นโด่งเต็มไปหมดจนคล้ายกับล่องเรืออยู่ในเมืองกุ้ยหลิน ประเทศจีนมาก แต่ภายใต้ความสวยงามที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากมาเที่ยวของเขื่อนเชี่ยวหลานนั้นก็ยังมีความลึกลับของสิ่งเหนือธรรมชาติที่สิงสถิตย์อยู่ตามป่าดิบชื้นสีเขียวขนาดใหญ่มากมายที่ปกคลุมทิวเขาลูกต่าง ๆ ทั้งเขารอบเขื่อนเชี่ยวหลานและเขาบริเวณถนนใหญ่ที่รถราสัญจรไปมาทำให้มีบรรยากาศที่ครึ้มในทุกฤดูกาล ซึ่งวันนี้เองเราก็จะมาบอกเล่าถึงเรื่องราวประสบการณ์สุดหลอนของนักเดินทางคนหนึ่งที่เดินทางออกจากเมืองใหญ่มาเพื่อข้ามไปอีกจังหวัดซึ่งบังเอิญวันนั้นต้องขับรถผ่านถนนเส้นเขื่อนเชี่ยวหลานในเวลากลางคืนพอดีจนได้เจอกับ ประสบการณ์เจอผี ที่เขาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด!
ประสบการณ์เจอผี เรื่องราวที่ถนนเส้นเขื่อนเชี่ยวหลาน
“ประสบการณ์เจอผีที่ถนนเส้นเขื่อนเชี่ยวหลาน” ของผู้เล่าทางบ้านท่านหนึ่ง ได้ถ่ายทอดถึง ตัวของเขาซึ่งเป็นผู้หญิงวัยทำงาน ส่วนตัวชอบฟังเรื่องผีเวลาเดินทางมากและปกติก็ไม่มีอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอต้องเดินทางออกจากอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานีในช่วงเวลาเย็นเพื่อเดินทางแบบเคสเร่งด่วนไปยังอีกจังหวัดที่อยู่ห่างไกลเพื่อทำธุระ ซึ่งเธอก็ขับรถมาเองคนเดียวจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงช่วง 4 ทุ่มกว่า ๆ รถของเธอก็ขึ้นมาตามถนนใหญ่บนเขาซึ่งอีกฟากหนึ่งจะมองเห็นผืนเงาป่าและวิวทิวเขาทะมึนของเขตเขื่อนเชี่ยวหลานที่อยู่ออกไปไม่ห่างกัน ตอนนี้มองไปทางไหน เธอก็เห็นแค่รถของเธอขับอยู่เพียงลำพังคันเดียวบนถนนที่มืด มีไฟน้อย เต็มไปด้วยภูเขากับป่าไม้ที่ห้อยระย้าพัดตามแรงลม ด้วยความเงียบที่เริ่มรู้สึกว่ามันดูจะมากเกินไปหน่อย เธอจึงเปิดรายการวิทยุในเครื่องเล่นของรถยนต์เพื่อฟังรายการผีที่กำลังมีการเล่าประสบการณ์หลอนอยู่แบบเรียลไทม์ในขณะนั้นพอดีเพื่อฟังเพลิน ๆ แบบเวลาที่ขับรถตอนกลางคืนปกติ
ทว่าจู่ ๆ ก็มีนกขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่มีสีดำบินมาชนกับกระจกหน้ารถของเธออย่างกะทันหัน ดวงตาของมันเป็นสีแดงเพลิงแลดูน่ากลัว แต่อะไรก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับแรงปะทะอย่างแรงที่มันกระเด็นไปถูกกระจกแล้วกระเด็นต่อไปปะทะกับประตูรถของเธออีกก่อนจะกลิ้งลงไปกับพื้นถนนแวบ ๆ จนเธอกลัวว่ามันอาจจะตาย แต่จะให้จอดรถลงไปดูก็เกรงว่าจะเกิดอันตรายเพราะตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่บนถนนสายเปลี่ยวด้วย และถนนสายนี้ก็เคยมีเหตุการณ์รถแหกโค้งตกเขาและปล้นกันบ่อยทำให้เธอไม่กล้าเสี่ยงจึงขับต่อไปด้วยความรู้สึกผิดจนต้องปิดรายการวิทยุ
บรรยากาศทุกอย่างควรจะกลับมาเงียบอีกครั้งเพื่อผ่อนคลายใจเธอให้สงบ หากแต่จู่ ๆ เธอก็เหลือบไปเห็นแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซค์คันหลังที่ขับมาแบบรวดเร็ว ด้วยความที่ถนนมืดทำให้เธอไม่กล้าขับรถเร็วอยู่แล้วจึงได้ตบไฟเพื่อเปิดทางให้มอเตอร์ไซค์คันหลังแซงเธอไปก่อน แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมแซงและขับรถจี้เธออยู่อย่างนั้นแม้เธอจะพยายามส่งสัญญาณด้วยแตรหรือไฟต่าง ๆ ก็ไม่เป็นผล และดูอีกฝ่ายจะขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาใกล้ท้ายรถเธอมากขึ้นจนแสงไฟจากมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวสาดเข้ามาในรถของเธอเต็ม ๆ จนรู้สึกว่ามันทำให้การขับรถของเธอเป็นไปได้อย่างลำบาก เธอจึงเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น แต่มอเตอร์ไซค์เจ้ากรรมก็เร่งเครื่องตามอีกจนเธอเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงตัดสินใจเร่งความเร็วให้มากกว่านี้จนพอมาถึงโค้งหนึ่งของถนน มอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวก็เกิดคึกขี่มาตีคู่กับเธออย่างเร็ว เธอที่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมเสี่ยงอันตรายดังกล่าวและคิดว่าเป็นพวกวัยรุ่นชอบก่อกวนจึงได้หันไปยังหน้าต่างข้างเธอเพื่อจะดูหน้าอีกฝ่าย ทว่าเธอก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมอเตอร์ไซค์คันนั้นเคลื่อนที่เองโดยไม่มีใครอยู่ก่อนที่พอหลุดโค้งมาได้ก็พลันเกิดแรงปะทะอีกรอบที่ประตูรถของเธอซึ่งคราวนี้มาจากดินโคลนมากมายที่ติดตามถนนซึ่งเกิดจากการที่มอเตอร์ไซค์คันนั้นเร่งบิดเครื่องไปยังจุดที่ถนนเลอะจนรถเธอเปื้อน และหายไปกับเศษหินเศษดินที่มาปะทะประตูกับหน้าต่างในทันทีจนเธอถึงกับขนลุกและพยายามตั้งสติโทรหาคนรู้จักเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนคุยกันไปตลอดทางไม่ให้รู้สึกกลัวจนผ่านถนนบนเขาเส้นเขื่อนเชี่ยวหลานมาได้ ประสบการณ์นี้จึงเป็นประสบการณ์เห็นผีที่เธอคงไม่มีวันลืมเลย ทุกอย่างเหมือนฝัน หากแต่เศษดินที่เปื้อนรถนั้นก็เปื้อนจริง รอยบุบที่กระจกกับประตูจากนกที่เธอชนก็จริงจนเธอไม่กล้าเดินทางมาเส้นเชี่ยวหลานตอนกลางคืนอีกเลย
ข้อคิดจากประสบการณ์เจอผีที่ถนนเส้นเขื่อนเชี่ยวหลาน
“ประสบการณ์เจอผีที่ถนนเส้นเขื่อนเชี่ยวหลาน” ได้ให้ข้อคิดว่า ถนนทุกเส้นย่อมจะมีดวงจิตดวงวิญญาณทุกที่ การที่เราฟังเรื่องผีหรือสิ่งเหนือธรรมชาติอาจจะไปจูนติดกับเขาและเขาอาจจะคิดว่า เราอยากเห็นเขาก็เป็นได้จึงมาปรากฏตัว ยิ่งเป็นในป่าในเขา พลังวิญญาณจะยิ่งแรงกว่าที่อื่นหลายเท่าจึงควรหลีกเลี่ยง ติดตามกันต่อได้ใน เรื่องลี้ลับ
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days