พบกันอีกครั้งกับ เรื่องลี้ลับ เชื่อว่าหลายคนคงเป็นแฟนคลับเรื่องผีต่างแดนกันเยอะเลยใช่ไหม และหลายเรื่องก็มักจะมีประสบการณ์ผีที่คุณอาจฟังหรืออ่านแล้วอึ้ง ขนลุกราวกับได้ดูภาพยนตร์ Conjuring อย่างไรอย่างนั้นเลย อีกทั้งผีในต่างแดนแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันในวิธีการหลอกหลอน รูปร่าง และการปรากฏตัวให้ผู้คนพบเห็นด้วย ทำให้การเสพย์เรื่องเล่าประสบการณ์เจอผีในต่างแดนเป็นอรรถรสที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าผีจะออกมาเวลาไหน ออกมาในลักษณะใด และออกมาเพื่อจุดประสงค์ใดด้วย ซึ่งมันก็สามารถเชื่อมโยงกับความเชื่อ พิธีกรรม และวัฒนธรรมประจำประเทศนั้น ๆ ได้ทำให้เราเกิดทั้งความรู้ใหม่ ๆ และได้สนุกกับความแปลกใหม่ของมุมมองของโลกแห่งความตายฝั่งประเทศอื่น ๆ ที่ไม่เหมือนประเทศไทยบ้างจนติดภาพจำได้ดีสุด ๆ และหากจะกล่าวถึงหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยอมรับเรื่องความน่ากลัวของดวงวิญญาณและพิธีกรรมส่งดวงจิตของผู้ล่วงลับที่ยิ่งใหญ่มากอีกแห่งหนึ่งของโลกก็ต้องเป็น “ประเทศอินโดนีเซีย”เลย โดยวันนี้เราก็มีประสบการณ์ กระทงหลอน จากเพื่อนของผู้เล่าทางบ้านที่ได้ไปอินโดนีเซียมาถ่ายทอดความหลอนให้ทุกคนได้อ่านกันเพื่อสอนใจ
ประสบการณ์ผีอินโด “กระทงหลอน”

ประสบการณ์ผีอินโด “กระทงหลอน” ได้บอกเล่าเรื่องราวของ ผู้เล่ากับกลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติ รวมถึงแฟนของเธอที่เป็นชาวตะวันตกซึ่งเมื่อหลายปีก่อนพวกเขาได้เดินทางไปท่องเที่ยวกันบนเกาะบาหลี ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยช่วงที่ไปตรงกับประเพณีไหว้บรรพบุรุษของชาวฮินดูบนเกาะบาหลีก่อนที่จะถึงเทศกาล “ประเพณีกาลุงงัน” ที่จะอัญเชิญองค์เทพเจ้ากลับสู่สรวงสรรค์ และเชิญบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วกลับสู่ภพภูมิของตน ตามถนนทางเดินมากมายบริเวณหน้าร้านรวงและบ้านคนบาหลีจึงเต็มไปด้วยกระทงใบมะพร้าวขนาดเล็กทรงสี่เหลี่ยมใส่ดอกไม้หลากสีพร้อมอาหารของเซ่นไหว้ที่เรียกว่า “Sari Canag” ซึ่งชาวบ้านได้นำมาบวงสรวงเทพเจ้าและบ้างก็ให้ผู้ล่วงลับไปแล้วเพื่อไม่ให้พวกเขาหิวโหย โดยผู้เล่าที่รู้เรื่องนี้ดีจึงได้เตือนเพื่อน ๆ ในระหว่างที่เดินถ่ายรูปบนฟุตบาทว่าให้เดินระวัง ๆ ด้วย อย่าเผลอเหยียบเป็นอันขาด
ทว่าแทนที่พวกเพื่อนของพวกเขาจะฟัง ทุกคนกลับเอาแต่หัวเราะพร้อมคุยกันในเชิงว่า พวกเขาอยู่ในยุคสมัยไหนแล้ว ประเทศพวกเขาก็ไม่ได้สอนให้นับถืออะไรพวกนี้ เพราะมันคือสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ นั่นแปลว่า “ไม่มีจริง” พวกเขาจึงไม่ได้ซีเรียสใด ๆ ซึ่งผู้ชายฝรั่งคนหนึ่งที่ห้าว ๆ หน่อยก็เอาแต่หัวเราะพลางหันไปบอกแฟนของผู้เล่าที่กำลังเมาได้ที่จากการดื่มแอลกอฮอล์ว่า
“แฟนของยูเชื่อเรื่องผีด้วย น่าตลกจริง ๆ เลย ระวังอยู่กับเขาแล้วจะกลัวผีล่ะ”
นั่นทำให้แฟนของผู้เล่าที่ขาดสติเมื่อฟังก็ถึงกับอารมณ์เสียและพูดออกไปด้วยท่าทางฮึดฮัดว่า “ไหนผี ผีอะไรไม่กลัวหรอก เข้ามาสิจะจัดการเลย!” ส่วนเพื่อนคนเดิมก็พูดเสริมด้วยความถูกใจว่า “ไอจะทำจับผีทำเมียซะเลย”
ผู้เล่าที่ตกใจกับคำพูดของแฟนตัวเองกับเพื่อนจึงพยายามตะคอกปรามไม่ให้พวกเขาลบหลู่ดวงวิญญาณด้วยความไม่ชอบใจ แต่นั่นกลับยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้แฟนของเธอเกิดความโมโหจึงได้ตรงเข้าไปเหยียบกระทงที่ตัวเองกำลังจะเดินผ่านหน้าอย่างตั้งใจ และพาเพื่อนคนเดิมเดินกอดคอนำคนอื่นพร้อมเหยียบกระทงอื่น ๆ ละทางอย่างสนุกสนานจนผู้เล่าถึงกับอึ้งและแม้พยายามจะห้ามแต่ก็ไม่ใครฟังจนเธอรู้สึกเหนื่อยกับการกระทำพวกเขาจึงรีบให้ทุกคนรีบไปอีกทางกันดีกว่าเพื่อจะได้เดินให้ห่างไกลจากถนนและฟุตบาทมากที่สุด ซึ่งก็สำเร็จในครั้งนี้และเธอก็หวังว่า…จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากที่วันนั้นพวกเขาใช้เวลาเดินเที่ยวกันในบาหลีทั้งวันจนค่ำก็ได้มาพักผ่อนกันในโรงแรมโดยทุกคนจองห้องพักที่ติดกันและกะว่าจะรีบนอนเพื่อเก็บแรงไปเที่ยวที่อื่นต่อในวันพรุ่งนี้ ซึ่งผู้เล่าก็ได้นอนหลับไปก่อนในขณะที่แฟนยังคงทำกิจกรรมของเขาต่อ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ จู่ ๆ เธอก็สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงดังตึ้ง! ตึ้ง! เป็นจังหวะราวกับมีของที่ถูกชนกระแทกแรง ๆ ซ้ำไปซ้ำมา และเมื่อลุกขึ้นนั่งจนตาเริ่มชินกับความมืดได้แล้ว ผู้เล่าก็ถึงกับตกใจเมื่อเห็นว่าต้นเสียงนั้นมาจากแฟนของเธอที่กำลังเดินเอาหัวตัวเองโขกกับตู้เสื้อผ้าซ้ำไปซ้ำมาอย่างแรงซ้ำ ๆ จึงรีบกระโดดลงจากเตียงไปดึงตัวแฟนให้ออกมาจากตู้เสื้อผ้าและพามานั่งลง
ตอนนี้หน้าผากปูดบวมช้ำเขียวไปหมดแต่ตาของแฟนเธอกลับยังคงลอยราวกับตกในภวังค์บางอย่าง เธอจึงเขย่าตัวแฟนของเธอและเรียกชื่อเสียงดังจนไม่นานแฟนของเธอก็มีสติขึ้นมาได้และร้องห่มร้องไห้ปิดออกมาด้วยความหวาดกลัวพร้อมบอกว่า “ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ๆ” ก่อนที่จะเล่าให้ผู้เล่าฟังว่า ขณะที่ตัวเองกำลังจะนอนก็มีเงาของผู้หญิงคนหนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนองและผิวไหม้เกรียมกำลังอำเขาจากนั้นสติของเขาก็ดับวูบลง ทั้งสองจึงตัดสินใจว่าจะไปนอนในห้องของเพื่อนที่อยู่รวมกันอีกห้อง น่าจะอบอุ่นใจกว่า
ทว่าพอพวกเขาไปเคาะประตูห้องแล้วเพื่อนคนหนึ่งได้เปิดเข้ามา พวกเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าไฟในห้องของพวกเพื่อนเขาเปิดอยู่และเพื่อนคนเดิมของแฟนที่เคยล้อเธอเมื่อกลางวันก็กำลังนั่งกอดเข่าตัวสั่นพร้อมพูดซ้ำ ๆ ว่า “เชื่อแล้วว่ามีจริง ๆ ๆ ผมผิดเอง” พวกเขาจึงได้คำตอบว่า อีกฝ่ายก็ถูกผีผู้หญิงหลอกเหมือนกัน ก็แน่ล่ะไปบอกว่า หากเจอผีแล้วจะจับทำเมียนี่นา
วันต่อมา พวกเขาก็รีบเช็กอินที่โรงแรมแล้วจองตั๋วเครื่องบินเพื่อกลับประเทศทันทีด้วยความผวาและบทเรียนสำคัญของชีวิต…ต่อไปพวกเขาก็คงไม่กล้าลบหลู่ใด ๆ อีกแล้วล่ะ!

ข้อคิดจากประสบการณ์ผีอินโด “กระทงหลอน”
ประสบการณ์ผีอินโดกระทงหลอน ได้ให้ข้อคิดที่อยากบอกทุกคนว่า ทุกประเทศทุกบ้านเมืองย่อมจะมีความเชื่อและขนบธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งความเชื่อเรื่องต่าง ๆ ส่วนใหญ่ย่อมมีต้นกำเนิดมาจากผู้ที่เห็นจริงและประสบมากับตัวเองจริง ๆ แล้วในเรื่องเหนือธรรมชาติ เราจึงไม่ควรตีความว่า มันเป็นแค่กุศโลบายหรือการทำไว้เพื่ออนุรักษ์เท่านั้น! และยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ควรลบหลู่ในความเชื่อของใครด้วย ติดตามกันต่อได้ใน เรื่องลี้ลับ
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days