พบกันอีกครั้งกับ เรื่องลี้ลับ สวัสดีค่ะทุก ๆ คน ห่างหายจากเรื่องราวหลอน ๆ ไปไม่นานนัก แต่เห็นมีหลายคนบอกว่าอยากอ่านเรื่องเล่าผีอีกมากมายเลย และหลายคนก็กำลังฮิตอยากย้อนกลับไปซึมซับกับเรื่องเล่าผีที่เหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในยุคเก่า ๆ หน่อย เอาแบบมีความหลอนขนหัวลุกเรียล ๆ แนวสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ยิ่งจะสนุกใหญ่เลย เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า ตามโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ย่อมเป็นศูนย์รวมของครูและผู้เรียนจำนวนมากมายที่มาอยู่กันในที่ที่เดียว ทำให้เมื่อมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นก็ทำให้มีคนที่ผูกติดกับสถาบันนั้น ๆ ด้วยเหมือนกันทำให้วิญญาณยังคงไม่ไปไหน ยิ่งเป็นสถาบันที่อยู่มานานร้อยปีก็ยิ่งขลังและน่าค้นหาอย่างมากเลย ซึ่งด้วยความที่เราเองก็เป็นคนชอบเรื่องผีแนวนี้ด้วยพอดีและเคยได้ฟังผู้เล่าทางบ้านท่านหนึ่งมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยของต่างประเทศที่มีความเก่าแก่ที่หนึ่งในรายการวิทยุจึงอยากนำมาเล่าให้คุณได้อ่านกันในวันนี้ตามสัญญา คือ เรื่องเล่าผี ใน “มหาวิทยาลัยเมืองเก่า”
เรื่องเล่าผี ใน “มหาวิทยาลัยเมืองเก่า”

เรื่องเล่าผีใน “มหาวิทยาลัยเมืองเก่า” ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตอนที่ผู้เล่าท่านนี้เรียนอยู่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมหาวิทยาลัยที่เรียนค่อนข้างเก่าแก่พอสมควร เพราะสร้างตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 13 มีทั้งตึกเก่าที่ยังคงอนุรักษ์และตึกใหม่ โดยเหตุการณ์หลอน ๆ ก็เกิดขึ้นตอนที่ผู้เล่าเข้าปี 2 ต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นจนดึกดื่นและมหาวิทยาลัยก็มีกฎว่า ห้ามนักศึกษาอยู่เกิน 2 ทุ่ม ซึ่งตอนนั้นผู้เล่าก็มีเพื่อนอยู่คนนึงที่ทำงานพาร์ทไทม์ให้กับทางมหาวิทยาลัยในตึกที่เรียกว่า “บ้านสีฟ้า”
จนมีอยู่วันหนึ่งที่เพื่อนต้องทำงานดึกจึงชวนให้ผู้เล่ามาหา หลังเลิกเรียนวันนั้น ผู้เล่าจึงคิดว่าจะไปรอที่ร้านกาแฟในตึกบ้านสีฟ้า ทว่าตอนที่กำลังจะผ่านธรณีประตู จู่ ๆ เธอก็รู้สึกขนลุกวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยความที่มีเซ้นส์ในระดับหนึ่งจึงได้โทรบอกเพื่อนว่าขอไปเจอที่อื่น เพราะรู้สึกว่าเป็นที่ที่ไม่ควรเข้า และวันถัด ๆ มาผู้เล่าก็ถูกชวนให้ไปที่นั่นอีก เธอจึงได้ต่อรองว่าขอไปเจอช่วยกลางวันแทนพร้อมกับพกตะกรุดของปู่ไปด้วย ซึ่งพอเข้าไปในตึกก็ปกติดี ระหว่างนั้นเพื่อนก็มักจะถามว่า “ได้เจออะไรมาก่อนหรือเปล่า” จนผู้เล่าเกิดความสงสัย เพื่อนจึงแอบบอกผู้เล่าว่า ทุกคนที่มาทำงานในบ้านสีฟ้ามักจะได้ยินเสียงแปลก ๆ ช่วงเย็น เหมือนมีคนคุยกันบ้าง มีเสียงเคาะบ้าง แม้แต่เพื่อนของเธอก็ยังโดน แต่พอทำเป็นไม่สนใจก็สามารถทำงานต่อไปได้ ทว่ายิ่งอยู่ที่นี่ไปนาน ๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เริ่มกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวจนขนลุกทุกครั้งจึงเป็นเหตุผลให้ชวนผู้เล่ามาด้วย สุดท้ายผู้เล่าที่สงสารเพื่อนและเคยเจอเรื่องพวกนี้มาแล้วจนชินในระดับหนึ่งจึงตกลงที่จะอยู่เป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายที่วันนั้นต้องเป็นเวรปิดตึกช่วง 3 ทุ่ม
จนกระทั่งพระอาทิตย์เพิ่งตกดินไปได้ไม่นาน ความหลอนก็เริ่มเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การที่พวกเธอได้ยินเสียงคนร้อง “ฮึ!” จากในมุมห้องหนึ่ง แล้วก็เริ่มมีเสียงขยับของเก้าอี้มาจากอีกห้องหนึ่งในตึกเดียวกันทั้งที่มีแค่พวกเธอสองคนที่อยู่ในบ้านสีฟ้า แต่ทั้งคู่ก็พยายามที่จะทำงานของตัวเองต่อไปโดยไม่สนใจแม้ว่าจะเริ่มขนลุกก็ตาม

แล้วตอนนั้นจู่ ๆ ผู้เล่าก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเพื่อนแบบแผ่ว ๆ ไร้ที่มา ทั้งคู่จึงพยายามที่จะจับถึงทิศทางของเสียงที่ยิ่งเวลาผ่านไปก็เริ่มมาหนักขึ้น มีเสียงเคาะ ปั่ก ๆ ๆ ๆ ไล่มาตั้งแต่ประตูทางเข้าจนถึงผนังตึกก่อนจะหยุดที่เก้าอี้ตัวนึงที่ไม่ห่างจากที่นั่งของทั้งสองนัก ผู้เล่าและเพื่อนที่เริ่มรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยแล้วจึงตัดสินใจที่จะไม่อยู่รอตึกปิดแล้วรีบเก็บสัมภาระกลับที่พักทันที
วันรุ่งขึ้น ผู้เล่าก็ได้กลับมาที่ตึกนี้ใหม่และเจอกับรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าจึงถามออกไปตรง ๆ ว่า ตึกนี้มีอะไรหรือเปล่า รุ่นพี่คนนั้นจึงเล่าว่า ทุกคนที่มาทำงานในบ้านสีฟ้าไม่มีใครที่ไม่เจออะไร รวมถึงเขาเองก็เช่นกัน บ้างก็ได้ยินเสียงเคาะ บ้างก็ได้ยินเสียงขูดกำแพง บ้างก็ได้ยินเสียงเด็ก เสียงผิวปาก แต่ไม่เคยมีใครเห็นอะไร และหลังจากนั้นผู้เล่าก็ได้รู้มาอีกทีว่า เพื่อนของเธอได้ยินเสียงกระซิบเรียกชื่ออีกแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นเสียงของคนแก่ชัดเจน แล้วก็มีเสียงตะคอกดังในห้องนั้นพร้อมเสียงเคาะดังถี่ ๆ
พอวันต่อมา ผู้เล่าที่เริ่มทนไม่ไหวเพราะสงสารที่เพื่อนทำงานลำบากเพราะต้องเหนื่อยกับการหาเงินแล้วยังต้องถูกคุกคามจากสิ่งเหนือธรรมชาติอีก เธอจึงได้ไปถามรุ่นพี่จนอีกฝ่ายบอกตามตรงว่า ตึกบ้านสีฟ้าเป็นตึกเก่าแก่ที่สร้างมาพร้อมกับมหาวิทยาลัยตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 13 แต่มีช่วงหนึ่งที่ปิดไปเพราะเป็นช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส แล้วหลังจากนั้นก็มีการเปิดใหม่มาช่วงนึงโดยใช้ตึกต่าง ๆ ในอาณาเขตนี้เป็นโรงพยาบาล ส่วนตึกบ้านสีฟ้าที่เพื่อนเธอทำงานก็เคยเป็นห้องเก็บศพ! พอได้ฟังเช่นนั้นเธอจึงได้เข้าใจทุกอย่างและสุดท้ายเพื่อนเธอเองก็ได้ออกจากงานพาร์ทไทม์ที่ทำในตึกนั้นเช่นกัน

ข้อคิดที่ได้จากเรื่องเล่าผีใน “มหาวิทยาลัยเมืองเก่า”
เรื่องเล่าผีใน “มหาวิทยาลัยเมืองเก่า” ได้ให้ข้อคิดว่า สถานที่ต่าง ๆ ที่มีอายุยาวนานย่อมจะเป็นที่สิงสถิตย์ของดวงจิตที่มีความผูกติดกับสถานที่เหล่านั้น ในการใช้สถานที่ที่มีดวงจิต เราจึงต้องขออนุญาตดวงจิตทุกดวงเพื่อจุดประสงค์ที่ดีให้เขาได้รับรู้เพื่อไม่เข้ามาเป็นอุปสรรคของเรา ติดตามกันต่อได้ใน เรื่องลี้ลับ
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days