พบกันอีกครั้งกับ เรื่องลี้ลับ คุณเป็นคนที่กลัวผีในระดับไหน? ระดับที่ไม่กลัวและไม่เชื่อเลยเพราะผีไม่สามารถทำอะไรได้ เขาทำเขาก็บาปเองหรือจะเป็นระดับที่ยังคงสามารถคุมสติได้มากพอที่จะกล้าค้นหาความจริงเพื่อเผชิญหน้ากับผีที่ยังไงก็ต้องหลอกเราให้ได้อยู่ดี หรือจะเป็นระดับที่กลัวจนต้องหลับหูหลับตาคลุมโปง ไม่กล้ามองไปยังที่ที่อาจทำให้เจอผี แน่นอนว่าทุกคนลึก ๆ แล้วย่อมมีความกลัวผีอยู่ในจิตใจหากเจอจริง ๆ ไม่ว่าใครก็อยากจะป้องกันตัวเองให้ผ่านพ้นการถูกผีหลอกไปได้อย่างรวดเร็วทั้งนั้น แต่จะทำอย่างไรหากว่าคุณไม่ได้ถูกผีหลอกในสถานที่ซึ่งสามารถวิ่งหนีออกไปขอความช่วยเหลือจากผู้คนหรืออยู่กับที่ที่มีคนเยอะอยากพวกที่พักหรือชุมชนที่มีรถขับผ่านไปผ่านมาให้ขอความช่วยเหลือซึ่งมีไม่สามารถตามหามาได้ แต่คุณกำลังถูกผีหลอกให้อยู่ในสถานที่ปิดตายหรือสถานที่ซึ่งเป็นอีกมิติที่ต้องอยู่กับโลกของผีไปนานจนแทบจะตั้งสติไม่อยู่เหมือนอย่างเรื่องเล่าจาก ประสบการณ์ “GPS ทางลัดทางหลอน” เรื่องนี้
เรื่องเล่า ประสบการณ์ “GPS ทางลัดทางหลอน”

ประสบการณ์ “GPS ทางลัดทางหลอน” ได้บอกเล่าเรื่องของผู้เล่ากับแฟนสาวที่ได้มีโอกาสไปงานเลี้ยงบ้านเพื่อนที่อยู่ย่านหนึ่งของชานเมืองกรุงเทพมหานครซึ่งพวกเขาไม่เคยได้ขับรถมาในย่านนี้เลย จึงต้องพึ่งพา GPS เป็นตัวช่วยทั้งขาไปและขากลับ ซึ่งในช่วงขามาพวกเขาก็ได้ใช้ถนนเส้นใหญ่ที่กว่าจะถึงบ้านเพื่อนก็เลทไปเยอะ ด้วยความที่บ้านคนส่วนใหญ่มักจะอยู่ชานกรุงกันเยอะทำให้รถจะติดหนักตั้งแต่ช่วง 6 โมงเย็นเป็นต้นไปจนถึง 3 ทุ่มเลย ยิ่งวันนี้เป็นวันศุกร์ด้วย ในช่วงขากลับพวกเขาจึงวางแผนกันว่าจะขับรถเข้าเส้นทางลัดที่สามารถไปออกถนนใหญ่ในอีกด้านหนึ่งได้ เพราะเห็นแวบ ๆ ตอนขามาในภาพที่ GPS แสดงว่ามีเส้นทางที่เป็นซอยหนึ่งด้วยซึ่งเวลาก็ไล่เลี่ยกัน น่าจะช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องเสี่ยงกับการรถติดบนถนนใหญ่ได้เหมือนตอนขามา
เมื่อตัดสินใจเช่นนั้น หลังเสร็จจากงานเลี้ยงบ้านเพื่อนแล้ว พวกเขาสองคนจึงขับรถออกจากบ้านเพื่อนมาตาม GPS บนถนนใหญ่ในช่วงแรกจนถึงซอยที่เป็นทางลัดจึงได้เข้าไปในซอยนั้นทันทีโดยที่แฟนสาวของเขาคอยทำหน้าที่ถือโทรศัพท์บอกทางให้ รถของพวกเขาขับมาตามทางขนาดเล็กที่ไม่ได้เล็กถึงขนาดที่ว่ารถไม่สามารถสวนกันได้ ยังคงขับได้สบาย ๆ ในเวลา 3 ทุ่มกว่าแบบนี้ แต่ทว่าขับมาได้สักประมาณยี่สิบนาทีแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเจอถนนใหญ่ได้เลยทั้งที่ตอนดูกันก็เหมือนเป็นเพียงซอยที่มีระยะทางเข้ามาแค่สิบนาทีเท่านั้นก็น่าจะออกไปสู่ถนนใหญ่แล้ว แต่นี่ยิ่งเข้ามา บ้านคนที่อยู่ในซอยก็เริ่มน้อยลงจนมีแต่ต้นไม้กับสวนไร่เต็มไปหมด ขณะนั้นเองแฟนเขาก็ได้สะกิดพร้อมบอกว่า
“เธอ ๆ เลี้ยวขวาที่ทางข้างหน้าเลย พอเลี้ยวแล้วอีกประมาณ 150 เมตรก็จะเจอถนนใหญ่แล้ว”
เสียงของแฟนสาวที่พูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้นทำให้เขาเองก็พลอยโล่งใจไปด้วยที่ในที่สุดก็จะได้เจอถนนใหญ่สักที ตอนแรกคิดว่าจะกลับรถอยู่เหมือนกัน เห็นแบบนี้เขาจึงรีบเลี้ยวขวาที่ซอยด้านหน้าทันที แต่พอเข้ามาในซอยทั้งเขาและแฟนต่างก็เงียบกันทันทีเมื่อเห็นว่าจากจุดที่รถของเขากำลังขับนี้มีเสาไฟแค่ต้นเดียวที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น แล้วถัดจากนั้นก็เป็นทางที่มืดและมีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด เขาจึงมองหน้ากับแฟนว่า ควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดี ซึ่งแฟนเขาก็ส่งซิกประมาณว่า “ไปต่อเถอะ” เขาจึงขับรถมุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียวพร้อมเร่งเครื่องให้เร็วมากขึ้นเพราะคิดว่าตัวเองคงเข้ามาในซอยเปลี่ยวที่อันตรายเสียแล้ว
แต่เมื่อขับรถผ่านจุดที่เป็นเสาไฟไปเพียงไม่นาน เขาก็พบว่าตัวเองกับแฟนคิดผิดถนัด! เพราะรอบด้านไม่มีเสาไฟอยู่เลยสักต้น แถมถนนที่เคยเป็นทางลาดยางก็เริ่มกลายเป็นดินลูกรังที่ขรุขระและแคบมากจนขนาดที่ว่ารถของเขาขับมาคันเดียวยังต้องค่อย ๆ ประคอง จะหาทางกลับรถก็ทำไม่ได้ ในขณะที่แฟนเริ่มเอาแต่มองหน้าจอ GPS ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้นเพราะกลายเป็นว่า เส้นทางที่เคยแสดงให้เห็นว่าสามารถไปออกถนนใหญ่ได้ตอนนี้จู่ ๆ ก็หายไปกลายเป็นภาพรถของเขาที่อยู่บนทางโล่ง ๆ ไม่มีถนน! พร้อมกับสัญญาณโทรศัพท์ด้วยเช่นกัน

ผู้เล่าพยายามที่จะใจดีสู้เสือโดยบอกแฟนว่า ใจเย็น เดี๋ยวก็จะเจอถนนใหญ่เอง ถ้ายังไงเราเจอบ้านคนเมื่อไหร่ เดี๋ยวจะลองไปถามเขาดู และพยายามที่จะหันไปโฟกัสทางข้างหน้าที่จากที่มีแค่ต้นไม้ขึ้นเต็มแบบป่าทั่วไปก็เริ่มเต็มไปด้วยหญ้าสูงที่ขึ้นจนมิดหลังคารถ ทำให้เขาต้องใส่เกียร์เพิ่มกำลังให้รถมากขึ้นพร้อมสูดหายใจลึก ๆ เพื่อข่มความกลัวของตัวเองที่เริ่มเข้ามาแล้วเหมือนกัน
แต่ในระหว่างที่รถยนต์กำลังเคลื่อนตัวไปตามทางที่เต็มไปด้วยหญ้าสูงจนแทบมองอะไรไม่ชัดนอกจากหญ้าที่มาตีหลังคารถเสียงดังรอบด้านและถนนลูกรังที่เปิดไฟสูงเป็นวงแคบ ๆ อยู่นั้น จู่ ๆ แฟนสาวของเขาก็ก้มหน้าร้องไห้ออกมาพร้อมเอื้อมมือมาจิกกางเกงของผู้เล่าอย่างแรงราวกับหวาดกลัวบางอย่าง แม้เขาจะถามแฟนก็ได้แต่หลับตาปี๋พร้อมพูดว่า
“ไม่เอาแล้ว เราเข้ามาที่ไหนกันแน่เนี่ย ปกติมันต้องออกไปถนนใหญ่ได้นานแล้วไม่ใช่หรือ อยากกลับบ้าน!”
เสียงของแฟนที่หวาดกลัวจนไม่สามารถดู GPS ไหวทำให้ผู้เล่ายิ่งรู้สึกเครียดและเขาเองก็คิดว่า มันต้องไม่ใช่เรื่องปกติจริง ๆ จึงตัดสินใจขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองเคารพว่า ขอให้ทุกท่านช่วยให้พวกเขาออกจากสถานที่ตรงนี้ได้ด้วยเถิด และหากใครต้องการบุญกุศลใด พรุ่งนี้จะทำบุญให้ แต่อย่าทำให้เดือดร้อนกันขนาดนี้เลย ซึ่งจบคำขอเพียงไม่นาน หญ้าที่เริ่มสูงก็ค่อย ๆ เปลี่ยนกลับมาเป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงเหมือนเดิม และสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นแสงจากเสาไฟฟ้าที่อยู่ข้างหน้าไม่ไกลจึงรีบเร่งรถขับเข้าไปจนพบกับบ้านยกสูงของชาวบ้านหลังหนึ่งที่มีลุงนั่งอยู่บนแค่ใต้ถุนจึงขับเข้าไปจอดที่หน้าบ้านทันที ลุงคนนั้นดูจะมองรถของเขาอย่างไม่ไว้ใจ เขาจึงรีบลงไปพร้อมถามทางออกไปสู่ถนนใหญ่ โดยไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องที่เจอมาก่อนหน้าให้อีกฝ่ายฟัง ทำให้ลุงคนนั้นชะงักพร้อมหัวเราะหึ ๆ และกล่าวว่า
“ไปอีกแค่ 200 เมตรก็เจอถนนแล้วไอ้หนุ่ม ขอให้โชคดีนะ ฟาดเคราะห์แล้วล่ะ” หลังจากนั้นลุงคนดังกล่าวก็เดินเข้าบ้านพร้อมโบกมือให้กับผู้เล่า แม้ผู้เล่าจะงง ๆ กับคำพูดของลุงคนนั้นแต่ก็รีบขอบคุณอีกฝ่ายแล้ววิ่งไปขึ้นรถก่อนจะจับมือแฟนให้ทำใจสู้ จากนั้นจึงขับรถต่อไปซึ่งเพียงไม่นานก็ถึงถนนใหญ่จริง ๆ ทั้งสองถึงกับร้องลั่นรถด้วยความดีใจและผู้เล่าก็รีบให้แฟนดู GPS ต่อว่าควรไปตามเส้นทางใดของทางหลวงต่อ เธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่แล้วก็ถึงกับต้องร้องเฮ้ย! พร้อมชูมือถือให้แฟนดูเวลาบนหน้าจอก็พบว่า ตอนนี้เป็นเวลา 4 ทุ่มตรง ทำให้เขาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะพวกเขาจำได้ว่า ตอนเข้ามาในซอยนั้นเป็นเวลา 3 ทุ่ม 58 นาที แต่พวกเขามั่นใจว่าหลงเข้ามาอยู่ในซอยนั้นอย่างน้อยสุดก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงแน่ ๆ นี่จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า พวกเขาหลุดเข้าไปอยู่อีกมิติจริง ๆ และแฟนของเขาก็เริ่มเล่าให้ฟังเมื่อตั้งสติได้ในภายหลังด้วยว่า ช่วงเวลาที่รถผ่านพงหญ้าที่ขึ้นสูงนั้น เธอเห็นว่ามีผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กหลายคนที่ยื่นมือมาโบกรถด้วยสีหน้านิ่งภายใต้ช่องว่างของพงหญ้า มือของพวกเขาแทบจะแตะถึงกระจกหน้าต่างฝั่งเธออยู่แล้ว เธอถึงได้รีบหลับตาและไม่ไหวจะดูทางใด ๆ ทั้งนั้น ซึ่งประสบการณ์นี้ก็เป็นความหลอนที่พวกเขาจะไม่เชื่อ GPS ง่าย ๆ อีกต่อไป!

ข้อคิดดี ๆ จากประสบการณ์ “GPS ทางลัดทางหลอน”
ประสบการณ์ “GPS ทางลัดทางหลอน” ได้บอกให้เรารู้ว่า หากยังไม่มั่นใจในเส้นทางที่ไม่เคยเดินทางผ่านมาก่อนหรือเป็นเส้นทางต่างถิ่นที่ดูลักษณะถนนแล้วมีความไม่ปลอดภัยในภาพที่ GPS แสดงอย่างถนนคดเคี้ยวหรือเป็นทางที่อาจแคบก็ไม่ควรจะขับรถเข้าไปแม้ว่าจะเป็นทางลัดก็ตาม เพราะนอกจากคุณจะเสี่ยงต่อการเจอทางเปลี่ยว ๆ จนหลงก็อาจเจออาชญากรรมจากโจรที่น่ากลัวยิ่งกว่าผีได้ ติดตามกันต่อได้ใน เรื่องลี้ลับ
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days