พบกันอีกครั้งกับ เรื่องลี้ลับ คุณเชื่อในเรื่องของ “คำสาป” หรือไม่? แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่อยู่เหนือธรรมชาติ แต่ลองคิดดูสิว่าขนาดพวกคำสัญญาติดตามข้ามภพชาติยังสามารถมีได้ แล้วคำที่มาจากปากของผู้ที่มีแรงอาฆาต แรงพยาบาทสูงไฉนเลยจึงจะไม่มี เมื่อคนคนหนึ่งมีความต้องการในสิ่งสิ่งหนึ่งอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรารถนาให้ผู้ที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนต้องได้รับผลจากการกระทำนั้น หรือแม้แต่ความหวงห่วงในสิ่งที่ตนมีจนไม่อยากให้ใครได้ไป จึงได้ตั้งจิตและกล่าวในคำที่เป็นเสมือนห่วงที่ทำให้มีผลต่อบุคคลนั้น ๆ นานอย่างที่ไม่รู้จะมีวิธีใดแก้ย่อมจะส่งผลแรงจนคุณไม่ควรถลำลึก เหมือนอย่างประสบการณ์หลอนสุดลี้ลับจากผู้เล่าที่เคยมาเล่าเรื่อง “คำสาปบนดอยสูง” ไง!
เรื่องหลอน “คำสาปบนดอยสูง”

“เรื่องหลอนคำสาปบนดอยสูง” ได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในช่วงปีพุทธศักราช 2500 ในครอบครัวชาวดอยครอบครัวหนึ่งที่นี้มีลูกหลายคน และหลายวัย วันหนึ่งเด็กชายตัวเล็กๆ ติดตามพ่อแม่ไปทำงานในไร่ วันนั้นทั้งพ่อทั้งแม่มัวแต่ยุ่งกับงานในไร่จึงไม่ได้สนใจลูก ฝ่ายลูกชายที่มัวเล่นเพลิน ด้วยความหิว จึงคว้าเอาพุทราผลหนึ่งเข้าปาก และตามด้วยอีกผลด้วยความเอร็ดอร่อย
กระทั่งเย็นย่ำ สามพ่อแม่ลูกจึงเดินทางกลับเข้าหมู่บ้าน ภรรยาหุงหาอาหารเสร็จสรรพเรียบร้อย จึงเรียกทุกคนล้อมวงกินข้าวกัน หลังจากกินได้ไม่นาน ลูกชายคนเล็กก็ล้มลง ตัวโก่งตัวงอ ปากร้องว่า “ปวดท้องๆ” แม่ตกใจลนลาน รีบไปหายาสมุนไพรแก้ปวดท้องมาให้กิน อาการก็ยังไม่ทุเลา คนเป็นพ่อเริ่มเอะใจว่าไม่น่าจะปวดท้องแบบธรรมดาซะแล้ว ในใจนึกว่าขออย่าให้เป็นดังที่คิดเลย ทนไม่ไหวเต็มทีจึงถามลูกว่า
“ตอนกลางวัน นอกจากข้าวที่เตรียมมา แกไปกินอะไรอีก”
“พุทรา” ลูกชายฝืนใจตอบอย่างยากเย็น
“พุทราที่ไหน” คนเป็นพ่อตกใจ
“ในไร่เรา”
“หา!!! พุทราในไร่เราหรือ” พ่อใจหล่นวูบ เป็นดังที่คิดเสียแล้ว

เพียงเท่านั้นพ่อก็รีบกระวีกระวาดเตรียมของจำเป็นสำหรับไหว้แล้ว คว้าไฟฉายแล้ววิ่งไปไร่ทันที หนทางไปไร่มืดสนิทมีแต่แสงไฟฉายนำทางวูบ ๆ วาบๆ เหนื่อยแทบขาดใจกว่าจะถึงไร่ เขาวางเครื่องเซ่นลงจัดแจง ใจยังเต้นตุ้บๆ ปากแทบจะท่องคาถาไม่เป็นคำ หลังจากว่าคาถาคลายคำสาปแช่งเสร็จ เชื่อว่ามนต์นั้นถูกคลายแล้วอย่างแน่นอนจึงเก็บข้าวเก็บของเสร็จวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตกลับมาบ้านอย่างกระหืดกระหอบขึ้นบันได ถามเมียว่าลูกเป็นอย่างไร
เมียหันหลังให้ เห็นแต่หัวกับเท้าลูกพาดบนตักก่อนจะเอ่ยว่า “ลูกเราเสียแล้วพี่ ฮือ..ฮือ…”
คนเป็นพ่อน้ำตาคลอเบ้า แข้งขาอ่อนทรุดลงทันที เราช้าไปเสียแล้ว ใจคิดแต่โทษตัวเองว่าช่วยลูกชายไว้ไม่ได้ จึงปล่อยโฮตามเมียอีกคน ร่างลูกถูกคลุมด้วยผ้าขาว บนหัวนอนมีโคมน้ำมันก๊าดจุดไว้ทั้งคืน
รุ่งเช้าญาติพี่น้องช่วยกันจัดพิธีฝังศพตามมีตามเกิดด้วยบรรยากาศที่แสนจะโศกเศร้า ครอบครัวหนึ่งต้องสูญเสียลูกชายด้วยความคับแค้นใจ พืชผลในไร่กับชีวิตของลูกชาย หากแลกได้คงไม่เอาอันใดนอกจากชีวิตของลูก เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับชาวเขาด้วยกันเอง การใช้มนต์ดำเพื่อรักษาพืชผลต้องทำอย่างระมัดระวัง แต่สำหรับพ่อที่เสียลูกไป คงไม่อยากใช้อีกเลยตลอดชีวิต
ข้อสันนิษฐานจากเรื่องหลอน “คำสาปบนดอยสูง”

“เรื่องหลอนคำสาปบนดอยสูง” มีโอกาสที่จะเป็นได้ทั้ง 2 กรณี คือ ลูกถูกคำสาปจริง เพราะพ่อรู้ว่าได้มีการใช้คำสาปทำให้พืชไร่ถูกรักษาไว้ก่อนหน้า แต่อีกกรณีที่เรื่องอาจเล่าไม่หมดอาจเป็นไปได้ว่า ผลไม้ที่ลูกชายกินอาจมียาฆ่าแมลงอยู่ก็เป็นได้ หรืออาจมีทั้ง 2 อย่างเพราะบางวัฒนธรรมของชาวเขาชาวดอยก็มีพิธีกรรมคำสาปนี้อยู่จริง ๆ ติดตามกันต่อได้ใน เรื่องลี้ลับ
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days