จตุคามรามเทพมีจุดกำเนิดมาจากภาคใต้ของประเทศไทย โดยจตุแปลว่า สี่ ส่วนคาม แปลว่า เขตแดน จตุคามรามเทพโดยรวมแล้วจึงหมายถึง เทพผู้เป็นใหญ่ทั้งสี่ทิศหรือเทพผู้คุ้มครองทิศทั้งสี่ ตามตำนาน เชื่อว่า จตุคามรามมเทพเป็นเทพที่มีตัวตนอยู่จริง โดยเป็นเทพของศาสนาพุทธลัทธิมหายาน ซึ่งตั้งมั่นว่าจะบำเพ็ญเพียรเป็นพระโพธิสัตว์ จึงหมั่นศึกษาตำราจตุคามจนเชี่ยวชาญจึงได้รับสมญานามว่า จตุคามรามเทพ ตามตำนานยังเล่าว่าจตุคามรามเทพทรงมีราหูอมจันทร์เป็นพาหนะด้วย
ทำไมจตุคามรามเทพถึงโด่งดัง
จตุคามรามเทพเป็นที่นิยมที่สุดในยุคแรกคือ ปี 2549-2551 เป็นปีที่หากใครไม่ แขวนจตุคามรามมเทพไว้ที่คอจะถือว่าเชยเลยทีเดียว โดยในยุคแรกแรกนั้นจตุคามรามเทพเคยแสดงอภินิหารมากมาย เช่น มีภาพที่คนเคยถ่ายติดแสงที่มีรูปทรงเป็นวงกลมเหมือนจตุคามรามเทพและมีคลิปวิดีโอต่างๆที่ติดภาพแสงวงกลมเป็นลายคล้ายจตุคามรามเทพด้วย ในยุคที่รุ่งเรืองจตุคามรามเทพเคยมีราคาเช่าบูชาสูงถึง 60 ล้านบาท แต่ปัจจุบันที่ความนิยมตกลงราคาที่แพงสุดก็จะอยู่ที่หลักแสน ส่วนองค์ที่ทำมารุ่นหลังๆนั้นทำมาแบบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ เน้นทำเยอะเข้าว่าตามกระแสนิยม ความศักดิ์สิทธิ์และความประณีตจึงค่อยๆหายไป บางองค์ให้ฟรีก็ไม่เอา พวกนักสะสมพระจึงมักนิยมเก็บองค์ที่อยู่ในยุคแรกๆมากกว่า โดยลักษณะของจตุคามรามเทพ จะเป็นทรงกลม ทั้งหนาและใหญ่ด้านหน้าจะสลักรูปพระวิษณุขี่ราหูอมจันทร์เอาไว้ แต่บางสำนักก็สลักเป็นเทพต่างๆตามที่นับถือ ส่วนวิธีบูชานั้นท่านว่าให้นำวางไว้บนหิ้งพระแต่ต้องไม่สูงกว่าพระพุทธรูป เพราะพระพุทธเจ้ามีศักดิ์สูงกว่า แต่ละสำนักก็จะมีบทสวดคาถาไม่เหมือนกัน บูชาเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปคือ นำของหวานของคาวมาถวายและเครื่องดื่มเป็นน้ำแดง อาจเพิ่มบายศรีและพวงมาลัยมาด้วยก็ได้ ของถวายต้องพิเศษหน่อยในวันพฤหัสบดี โดยกฎในการขอพรมีอยู่สามประการ คือ ต้องขอในสิ่งที่เป็นไปได้ไม่เกินความเป็นจริง อยู่ในศีลธรรมอันดี เมื่อบนไว้อย่างไรก็ต้องมาแก้บนเช่นนั้น ผู้บูชาต้องกระทำความดี ละเว้นซึ่งบาป
แม้ปัจจุบันจตุคามรามเทพจะไม่ได้เป็นที่นิยมเหมือนสมัยก่อน เพราะไม่ได้มีตำนานเรื่องเล่ายาวนานเหมือนพระเครื่อง แต่ก็ยังมีคนนิยมบูชาได้ดิบได้ดีอยู่บ้าง หากใครสนใจอยากหามาบูชาก็สามารถ หาได้ตามเพจบูชาพระและร้านพระเครื่องทั่วไปหรือจะเป็นตามวัดที่ทำแจกตามงานต่างๆก็ได้
