พบกันอีกครั้งกับ เรื่องลี้ลับ ช่วงนี้ใกล้จะเข้าฤดูฝนแล้ว บรรยากาศที่มีแดดน้อย ครึ้มฟ้าครึ้มฝนทั้งวันและอากาศหนาว ๆ เย็น ๆ ได้กลิ่นอายของความชื้นแบบนี้ล่ะที่เหมาะจะมานั่งอ่านประสบการณ์เรื่องเล่าผีชวนขนหัวลุกจากผู้เล่าทางบ้านกันแบบยาว ๆ ไปเลย ยิ่งอ่านตอนกลางคืน หรืออ่านในช่วงเวลาที่ฝนตกตอนบ่าย ๆ เย็น ๆ แล้วล่ะก็ฟีลลิ่งมาแบบจัดเต็มมาก หากใครที่ชอบอ่านเรื่องเล่าผีไป สัมผัสกับบรรยากาศฝนตกไปล่ะก็วันนี้เราจะนำคุณมา เล่าประสบการณ์สยอง ขวัญของคุณฝนทางบ้านท่านหนึ่งที่ได้มีโอกาสเดินทางไปต่างจังหวัดและมาแวะพักค้างคืนที่โรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อไม่ให้เสี่ยงเกิดอันตรายในขณะที่ฝนตกกัน ยิ่งเข้ากับสภาพแวดล้อมเมืองไทยช่วงนี้มาก ๆ เลย หากพร้อมที่จะไปรับความขนลุกและความหลอนปนสยองกันแล้วล่ะก็ตามมาอ่านกันเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
เล่าประสบการณ์สยอง “โรงแรมหลังฝนตก”
เรื่องเล่าผี “โรงแรมหลังฝนตก” ได้บอกเล่าประสบการณ์ของคนรู้จักของผู้เล่าท่านหนึ่ง ชื่อว่า “คุณฝน” เมื่อไม่นานมานี้ คุณฝนกับสามีได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือซึ่งทุกอย่างก็เป็นปกติดี ทั้งคู่แฮปปี้กับการไปออกทริปท่องเที่ยวครั้งนี้มากจนกระทั่งถึงช่วงที่พวกเขาจะต้องเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดนครปฐมเรื่องราวสยองขวัญที่รอพวกเขาอยู่ก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาเดินทางขับรถมาจนถึงถนนที่จะเข้าสู่จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคกลางซึ่งตอนนั้นจู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาหนักและเวลานั้นก็เริ่มเย็นแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะหาที่พักแถว ๆ ข้างทางค้างคืนกันเดี๋ยวนั้น เพราะวิวทัศนียภาพด้านหน้าดูจะเลือนลางจัด อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาต้องพบกับฝนที่ตกหนักกว่าเดิมและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้หากขับต่อไป
คุณฝนจึงได้ช่วยกันกับสามีหาที่พักที่ใกล้ที่สุดจนได้พบกับรีสอร์ตแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับถนนพอดีจึงไม่รอช้าที่จะขับรถเลี้ยวเข้าไปจอด รีสอร์ตแห่งนี้ดูแล้วก็ใหม่ดี มีทั้งบ้านพักเป็นหลัง ๆ แบบบ้านไม้ตะวันตกและแบบห้องที่เรียงต่อกันอยู่ในอาคารไม้ 1 หลัง มีชานระเบียงท่ามกลางสวนสวยงาม ส่วนภายนอกรีสอร์ตก็เป็นทุ่งนา ได้อากาศบริสุทธิ์ที่ทั้งคู่พอใจมากและรีบไปทำการเช็กอินเข้าพัก ก่อนที่พนักงานจะพาทั้งคู่เดินไปยังโซนที่เป็นอาคารห้อง ๆ ที่เรียงต่อกันด้วยเหตุผลที่ว่า บ้านพักคนเต็มแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะงงที่เห็นมีแค่รถ 2 คันจอดในรีสอร์ตเท่านั้นซึ่งดูไม่เยอะเลย แต่ด้วยความเหนื่อยล้าและฝนก็ตกไม่หยุดทำให้พวกเขาได้แต่คิดว่า แขกคนอื่นคงเที่ยวอยู่ในตัวเมืองและกลับช่วงค่ำ ๆ เพราะรีสอร์ตนี้ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่นัก
เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้องพักได้ ผู้เป็นสามีก็ได้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดและมานอนพักผ่อนบนเตียง ในขณะที่คุณฝนซึ่งเป็นภรรยาก็ได้เข้าไปอาบน้ำต่อจากสามี ในขณะนั้นเองยังไม่ทันที่จะวางผ้าขนหนู เธอก็ได้ยินเสียงเหมือนผู้ชายกับผู้หญิงทะเลาะกันดังมาจากห้องข้าง ๆ พอเธอหยุดกิจกรรมและฟัง เสียงทะเลาะก็หยุดลง พอทำกิจกรรมเสียงก็มาอีก จนสุดท้ายเธอก็พยายามไม่สนใจและทำภารกิจของตัวเองในห้องน้ำ แต่เสียงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่จึงลองเอาหูแนบกับผนังห้องน้ำเพื่อลองฟังว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร ทว่าเสียงทะเลาะนั้นก็หยุดลงอีกก่อนจะมีเสียงผู้ชายเอ่ยแผ่วเบาน้ำเสียงเย็น ๆ ผ่านผนังห้องข้าง ๆ เข้ามาราวกับเอาปากแนบว่า “…แอบฟังกูเหรอ”
เสียงที่ดังเหมือนอีกห้องรู้ทันว่าเธอกำลังแอบฟังอยู่ทำให้คุณฝนรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะออกมาจากห้องน้ำแล้วรีบขึ้นไปนอนบนเตียงซึ่งเวลานี้สามีเธอได้หลับไปแล้ว บรรยากาศด้านนอกตอนนี้ก็เริ่มค่ำ ด้วยความเหนื่อยล้าและความคิดที่ว่า ตัวเองเผลอไปทำเรื่องเสียมารยาทให้อีกฝ่ายรู้ทำให้คุณฝนอยากที่จะนอนพักผ่อนและเลิกสนใจเรื่องห้องข้าง ๆ ไปจนหลับในที่สุด แต่ด้วยเสียงเหมือนของบางอย่างกระทบกับผนังห้องอย่างรุนแรงทำให้ถึงกับสะดุ้งตื่น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคนทะเลาะกันที่คราวนี้ได้ยินชัดเจนมากกว่าอยู่ในห้องน้ำ ด้วยความที่ทนไม่ไหว คุณฝนจึงได้ติดต่อไปยังเคาน์เตอร์เช็กอินเพื่อให้พนักงานมาช่วยเคลียร์ให้แขกห้องข้าง ๆ เธอเงียบเสียงกันหน่อย เพราะตอนนี้คุณฝนกับสามีเหนื่อยจากการเดินทางมากจนอยากพักให้เต็มที่ ซึ่งไม่นานเธอก็พนักงานหญิงเดินผ่านห้องเธอไปยังห้องข้าง ๆ พร้อมเคาะก่อนที่จะมีมือหนึ่งมาเปิดประตูให้อีกฝ่าย และพนักงานก็กล่าวว่า “คุณลูกค้ารบกวนอย่าส่งเสียงดังกันนะคะ เพราะมีลูกค้าท่านอื่นอยู่ด้วย” ก่อนที่พนักงานจะเดินออกไปซึ่งเสียงก็เงียบไปได้
เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ คุณฝนจึงนอนหลับอีกครั้ง แต่เพียงไม่เท่าไหร่ก็มีเสียงดังอีก เพิ่มเติมคือ ครั้งนี้เป็นเสียงผู้ชายที่เหมือนจะตะโกนลั่นฟังไม่ได้ศัพท์และร้องไห้พร้อมกับเสียงสิ่งของหนักบางอย่างที่ราวกับถูกเคลื่อนย้าย ทำให้จากรู้สึกหงุดหงิด เริ่มกลายเป็นความกังวลจึงโทรแจ้งพนักงานอีกครั้งซึ่งพอพนักงานมาถึงห้องนั้นก็ได้ถามไถ่แขกห้องข้าง ๆ ก่อนจะเดินมาหาคุณฝนบอกว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่น่าเป็นห่วงค่ะ”
แต่หลังจากนั้นคุณฝนก็ยังคงได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้นแบบนี้เรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็นอนไม่หลับอยู่ดีและตัดสินใจที่จะเงี่ยหูฟัง ทว่าฟังไปได้ไม่เท่าไหร่เธอก็ต้องขนลุกเมื่อมีเสียงผู้ชายคนเดิมเอ่ยดังขึ้น “มึงได้ยินเสียงกูใช่มั้ย…มึงได้ยินเสียงกูเหรอ” ทำเอาคุณฝนถึงกับสะดุ้งจนคิดว่านี่มันไม่ปกติแล้วจึงคิดจะปลุกสามี แต่สามีกลับไม่ตื่นง่าย ๆ พร้อมกันขณะนั้นเอง เธอก็เห็นเงาร่างบางอย่างที่เดินมาจากทางห้องข้าง ๆ และหยุดอยู่หน้าประตูก่อนจะมีเสียงลูกบิดที่ดังอย่างรุนแรงราวกับอีกฝ่ายต้องการเข้ามาในห้องของเธอทำให้เธอถึงกับกรี๊ดและพยายามโทรหาพนักงานอีกรอบ แต่ครั้งนี้โทรไปเท่าไหร่ก็ไม่ติด เธอจึงได้แต่ไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองเธอกับสามีให้ผ่านพ้นจากจุดนี้ไปให้ได้ เพราะตอนนี้สับสนไปหมดแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือ ผีหรือคน! กระทั่งหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบ
หลังจากนั้นคุณฝนก็สะดุ้งขึ้นมาด้วยแรงเขย่าจากสามีเพื่อให้ตื่นมาล้างหน้าล้างตาแล้วเดินทางกันต่อ ซึ่งเวลานี้เป็นตอนเช้าแล้ว เธอได้แต่คิดว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นความฝันหรือความจริง จนเมื่อทำภารกิจต่าง ๆ พร้อมจัดกระเป๋าเสร็จ สามีของเธอก็ได้ขอโทษพร้อมเล่าว่าเมื่อคืนเขาก็ได้ยินเสียงคนจากห้องข้าง ๆ เช่นกัน มันนานมากจนเขาก็หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ทำให้เธอถึงกับช็อก แต่ที่มากกว่านั้นคือ สายตาของคุณฝนเผลอเหลือบไปเห็นว่า สายโทรศัพท์ข้างเตียงที่เธอโทรไปหาพนักงานเมื่อคืนมันขาด! และยังมีหิ้งบูชาของบางอย่างตั้งไว้เหนือประตูห้องด้วย! นั่นทำให้พวกเขาทั้งคู่รีบวิ่งไปเปิดประตูโดยเร็วเพื่อที่จะตรงไปถามพนักงานว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ประตูกลับไม่ยอมเปิดให้พวกเขาราวกับมันฝืดและถูกล็อกจากข้างนอก สามีจึงใช้แรงทั้งหมดกระแทกประตูจนเปิดออกมาได้ และมียันต์สีแดงหล่นลงมาจากฝั่งประตูด้านนอกพอดีทำให้ทั้งคู่รู้ว่าเจอดีเข้าแล้ว แต่ที่พีคซ้อนพีคไปกว่า คือ ทันทีที่มองบรรยากาศรอบด้าน ทุกอย่างกลับเหมือนโรงแรมร้าง บ้านและอาคารต่าง ๆ ก็เก่า เต็มไปด้วยฝุ่นและใบไม้ ประตูห้องข้าง ๆ ก็ถูกคล้องโซ่ไว้ แถมที่เช็กอินยังเป็นบ้านผุพังอีกต่างหาก พวกเขาจึงตัดสินใจรีบมาขึ้นรถและขับออกจากที่นี่ทันที
กระทั่งได้มารู้ในภายหลังว่า รีสอร์ตที่พวกเขาไปพักก่อนหน้านี้ ห้องข้าง ๆ พวกเขาเคยมีคู่รักมาพักด้วยกัน แต่เกิดการทะเลาะรุนแรงจนผู้หญิงขอออกมาสูดอากาศนอกห้องสักพักพร้อมบอกฝ่ายชายว่า เดี๋ยวตามเข้าไป แต่ความจริงแล้ว ฝ่ายหญิงเดินไปขึ้นรถและขับออกไปโดยทิ้งฝ่ายชายให้อยู่ในห้อง จนฝ่ายชายได้มารู้ภายหลังก็ขังตัวเองอยู่ในห้องโดยไม่ยอมให้ใครมายุ่ง ลากยาวมาจนถึงช่วงเช้าที่ทุกคนเริ่มเอะใจกับความเงียบที่ผิดปกติจึงได้ไขกุญแจเข้าไปดูก็พบว่า ฝ่ายชายผูกคอตายเสียแล้ว! หลังจากนั้นรีสอร์ตก็ได้มีการรีโนเวตห้องนั้นใหม่และยังคงเปิดกิจการต่อ แต่ผ่านไปได้ไม่กี่เดือนก็ต้องปิดตัวลงด้วยปัญหาหลายอย่างจนกลายเป็นรีสอร์ตร้าง ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้เล่ากับสามีเท่านี้ที่ถูกหลอกให้เข้ามาพักที่นี่ แต่มีหลายรายแล้วที่โดนเหมือนกัน!!!
ข้อคิดดี ๆ จาก เรื่องเล่าผี “โรงแรมหลังฝนตก”
เรื่องเล่าผี “โรงแรมหลังฝนตก” ได้ให้ข้อคิดที่อยากบอกทุกคนว่า เมื่อเรามีปัญหากัน ทางออกที่ดีคือควรหันมารับฟังเหตุผลและมุมมองความคิดของทุกฝ่ายให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่การทะเลาะเพื่อดึงดันจะทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกและหนีปัญหาโดยทิ้งให้มีแต่ความโกรธ ความเสียใจกันเช่นนี้ ติดตามกันต่อได้ใน