พบกันอีกครั้งกับ เรื่องลี้ลับ ทุกคนย่อมรู้กันดีว่า ดวงตาจองเรามีเพียงแค่สองข้าง แต่เหตุใดในทางเรื่องเหนือธรรมชาติถึงมีการพูดถึง “ดวงตาที่สาม” ซึ่งเป็นดวงตาที่ซ่อนอยู่ในจิตของเราเบื้องลึกซึ่งทุกคนย่อมมีดวงตาที่สามอยู่แล้ว เพียงแต่ดวงตาที่สามของคนทั่วไปจะถูกปิดไว้เพื่อไม่ให้รับรู้เรื่องราวใด ๆ ยกเว้นการเป็นอวัยวะพิเศษที่ชี้แนวทางบางอย่างให้เราเดินในทางที่ถูกที่ควรแบบมีลางสังหรณ์หรือมีเซ้นส์ที่คิดตัดสินใจบางอย่างซึ่งไม่สามารถใช้เหตุผลได้อย่างแม่นยำจนเราผ่านอุปสรรคนั้น ๆ ไปอย่างราบรื่นได้ อันเป็นผลจากหน้าที่ส่วนหนึ่งของดวงตาที่สามนั้นเอง แต่หากดวงตาที่สามของผู้ใดถูกเปิดออกก็จะกลายเป็น “ตาทิพย์” ที่สามารถมองเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติและหากได้รับการฝึกก็จะมีญานหยั่งรู้อนาคตผ่านการมองเห็นภาพต่าง ๆ ได้ด้วย โดยผู้ที่ดวงตาที่สามจะเปิดนั้นมีแค่ 2 ประเภท ได้แก่ ผู้ที่มีภารกิจสำคัญทางจิตวิญญาณในการช่วยเหลือผู้คนมาตั้งแต่กำเนิด กับ ผู้ที่มีดวงผ่านความเป็นความตายมาแล้ว หรือหากจะพูดง่าย ๆ คือ เป็นคนที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาได้ จึงไม่ต่างกับผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกวิญญาณจึงมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นได้ ซึ่งวันนี้เราก็จะนำ ประสบการณ์เฉียดตาย ของผู้เล่าท่านหนึ่งที่ปัจจุบันเธอมีดวงตาที่สาม สามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับต่าง ๆ ได้เพราะเหตุการณ์นี้เอง!
ประสบการณ์เฉียดตาย “กำเนิดดวงตาที่สาม!”
ประสบการณ์เฉียดตายก่อน “กำเนิดดวงตาที่สาม!” ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้เล่าในวัยเด็กที่เธอกับเพื่อน ๆ ได้ไปเล่นน้ำกันในบ่อธรรมชาติของสวนแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากบ้านตัวเองนัก โดยสวนนี้ก่อนหน้าเคยเป็นสวนของคุณยายคนหนึ่งที่ว่ากันว่าท่านรักและหวงสวนนี้มาก แต่ในที่สุดท่านก็ป่วยด้วยโรคจนเสียชีวิตและทำให้สวนนี้ไม่มีคนมาดูแล ด้วยความที่วันนั้นอากาศร้อนมาก ตามประสาเด็กที่อยากหาแหล่งกระโดดน้ำเล่น จึงได้มาเล่นน้ำกันที่บ่อธรรมชาติแห่งนี้ ซึ่งระดับน้ำสูงประมาณอกเท่านั้นจึงไม่ต้องกังวลถึงอันตรายใด ๆ
ในระหว่างที่เล่นน้ำ จู่ ๆ ผู้เล่าก็เกิดอยากไปเล่นคนเดียวในอีกมุมหนึ่งของบ่อ จึงว่ายน้ำไปอีกมุมที่ไกลจากเพื่อนตัวเอง แต่ยังไม่ทันว่ายไปถึงอีกมุมของบ่อ จู่ ๆ ขาของเธอก็ถูกมือหนึ่งฉุดให้จมลงไปใต้น้ำ ซึ่งในภาพลาง ๆ เธอเห็นเป็นมือซีดขาวของคนแก่ที่จับขาเธอไว้ทั้งสองข้างพร้อมบีบแน่นไม่ยอมปล่อย เธอพยายามตีตัวขึ้นจากน้ำ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่พอขึ้นมาบนผิวน้ำแล้วยังไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือก็ถูกดึงลงไปใต้น้ำอีกจนสติของเธอเริ่มจะดับ ภาพตรงหน้าเธอเห็นใบหน้าของหญิงชราที่ซีดขาว ผอมแห้งแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวพร้อมกล่าวว่า “กล้ามาบุกรุกที่สวนกูก็ต้องเจอแบบนี้ล่ะ!” แม้ผู้เล่าจะพยายามพูดขอโทษแต่กลับพูดไม่ได้เพราะอากาศที่มีเริ่มจะหมดลงแล้ว ทุกอย่างหนาวเหมือนอยู่ในอีกโลก ภาพตรงหน้าค่อย ๆ ดับลง ทว่าขณะนั้นเธอกลับได้ยินเสียงของอีกบุคคลหนึ่งเป็นผู้ชายมีอายุซึ่งฟังแล้วนุ่ม มีเมตตาที่ราวกับเป็นความหวังบางอย่างกล่าวว่า “ปล่อยเขาไปเถอะ” หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงแสงสว่างบางอย่างที่มาพร้อมความอบอุ่น ซึ่งหลังจากนั้นมือที่บีบขาเธอแน่นก็ปล่อยออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะหมดสติไป
หลังจากนั้น ผู้เล่าตื่นขึ้นมาอีกทีริมบ่อน้ำในสภาพที่เปียกโชกท่ามกลางชาวบ้านและพ่อแม่ของเธอที่กอดเธอร้องไห้แนบอกก่อนที่พวกเขาจะอุ้มเธอกลับบ้านและเล่าว่า เธอหยุดหายใจไปนาน กว่าจะปั๊มหัวใจจนน้ำออกได้ก็เล่นเอาใจหาย และผู้เล่าก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปเล่นน้ำอีก ซึ่งเธอก็ไม่คิดจะไปเล่นอีกอยู่แล้ว ความทรงจำครั้งนี้คงทำให้เธอเข็ดหลาบ หลังจากนั้นเธอก็ได้ป่วยเป็นไข้หลายวันจนพอเริ่มฟื้นตัวดี แม่จึงพาผู้เล่าไปหาพระให้พรมน้ำมนต์ ซึ่งพระที่วัดก็ได้สอนว่า “เป็นเพราะไปเล่นในพื้นที่เขา เขาจึงจะเอาชีวิตและยังตามเรามาที่วัด แต่ตอนนี้เขาได้บุญแล้วก็ถือว่าหายกันไป ครั้งหน้าอย่าไปทำอีก และ…ต่อแต่นี้เจออะไรผิดปกติก็อย่าไปทักหรือถาม ทำเป็นมองไม่เห็นยิ่งดี” ซึ่งแม่กับผู้เล่าก็ได้แต่สงสัยกับคำสุดท้าย ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไรต่อจึงนำน้ำที่กรวดไปรดต้นไม้ ทว่าในขณะที่กรวดน้ำ ผู้เล่าก็ได้เห็นร่างหนึ่งแต่งกายมอมแมมยืนกินของเซ่นไหว้ไม่ไกลกันนัก เธอจึงถามแม่ว่า ผู้ชายคนนั้นทำไมกินของเซ่น ทว่าแม่เธอมองก็ไม่เห็นจะมีใคร ท่านจึงจูงมือเพื่อเตรียมจะกลับบ้าน แต่สายตาเธอก็ไปปะทะกับใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เพิ่งเอาน้ำมนต์ไปรดซึ่งจากที่ควรจะว่างเวลานี้กลับมีคนแต่งชุดมอมแมมมากมายมานั่งรวมตัวใต้ต้นไม้เหมือนโกยอะไรสักอย่างที่ว่างเปล่า เธอจึงได้กระซิบถามแม่อีกครั้งทำให้ครั้งนี้แม่ของผู้เล่าเริ่มจะเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวลูกสาวของเธอแล้วจึงได้แต่สอนลูกสาวเรื่องการปฏิบัติตัวเวลาเห็นสิ่งลี้ลับเสมอมา เพราะนับแต่นั้น “ดวงตาที่สามของผู้เล่าก็เปิดตลอดเวลาเลย…จนมาถึงวันนี้!”
ข้อคิดจากประสบการณ์เฉียดตายก่อน “กำเนิดดวงตาที่สาม!”
ประสบการณ์เฉียดตายก่อน “กำเนิดดวงตาที่สาม!” ได้ให้ข้อคิดว่า เราไม่ควรไปบุกรุกหรือเข้าสถานที่ซึ่งเจ้าของไม่อนุญาต ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าของที่ไม่พอใจจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะกับเด็กที่อาจไม่รู้ถึงผลของปัญหาว่าจะใหญ่โตแค่ไหน ต้องสอนเด็กให้เข้าใจก่อนที่จะปล่อยให้เขาไปเล่นตามสถานที่ต่าง ๆ ทุกครั้ง ติดตามกันต่อได้ใน