‘เบี้ย’ เป็นสิ่งที่มีความผูกพันธ์กับไทยมาตั้งแต่โบราณ ในสมัยก่อนคนไทยใช้เบี้ยแลกเปลี่ยนกันแทนเงิน เพราะหอยเบี้ยเป็นสิ่งหายาก ทางศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็มีตำนานเกี่ยวกับหอยเบี้ยว่า ครั้งหนึ่งมีปีศาจกินตำราเทพเข้าไป พระนารายณ์จึงเอามือล้วงเข้าไปในหอยเบี้ย เพื่อดึงตำราออกมา ตั้งแต่นั้นมา หอยเบี้ยจึงกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเชื่อว่าปากของหอยเบี้ยนั้น คือ ร่องรอยที่เหลืออยู่จากการใช้มือดึงตำราของพระนารายณ์ ในพิธีบูชาต่างๆ จะมีการใช้หอยเบี้ยประกอบพิธีด้วย ทางด้านความเชื่อของไทยก็กล่าวว่า หากเด็กคนไหนฟันผุให้เอาเบี้ยห้อยคอจะสามารถช่วยในเรื่องนี้ได้ อีกทั้งยังมีการนำหอยเบี้ยมาปลุกเสกทำเป็นเครื่องรางของขลังที่เรียกว่า ‘เบี้ยแก้’ ด้วย
เบี้ยแก้ของขลังอิทธิฤทธิ์ล้นเหลือ

เบี้ยแก้ มีกรรมวิธีการทำที่ซับซ้อน โดยต้องใช้ของวิเศษ 4 อย่าง ได้แก่ ‘ปรอท’ ซึ่งเชื่อว่า เป็นของศักดิ์สิทธิ์ สามารถเคลื่อนที่ได้ มีอำนาจป้องกันภูตผีปีศาจ โดยวิธีการดักปรอทนั้น สามารถทำได้โดยหาแหล่งน้ำคูคลองตามธรรมชาติที่มีตลอดอยู่ ยิ่งออกตามหาในคืนเดือนมืดจะเห็นชัดเจน โดยให้เราส่องไฟฉายไปที่ที่คิดว่ามีปรอทแล้วดับไฟฉายลง ปรอทจะส่องแสงในความมืด จากนั้นให้วางของเน่าดักปรอทไว้ ปรอทจะเข้ามากินของเน่านั้น ทำให้เราสามารถจับปรอทได้ แต่ด้วยสมัยนี้สามารถหาปรอทได้ง่าย หากใครสะดวกจะใช้ปรอทวิทยาศาสตร์ก็ได้ วัสดุอย่างต่อมา คือ ‘ชันโรงใต้ดิน’ เป็นแร่ชนิดพิเศษ ชันโรงจะแบ่งเป็นชันโรงบนดินและชันโรงใต้ดิน ชันโรงใต้ดินจะเป็นของขลังที่สามารถป้องกันอันตรายได้ จะสังเกตว่าที่ไหนมีชันโรงขึ้นที่นั่นจะไม่มีไฟไหม้ อย่างต่อมา คือ ‘แร่ตะกั่ว’ ซึ่งผู้คนเชื่อว่าเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ สุดท้าย คือ ‘หอยเบี้ย’ ซึ่งต้องมีฟันข้างละ 16 ซี่ รวมกันสองด้านเป็น 32 ซี่ หากไม่ครบ 32 หรือมีเกินมาไม่สามารถใช้การได้ เมื่อเตรียมทุกอย่างครบแล้ว ผู้ปลุกเสกจะนำปรอทใส่เข้าไปในหอยเบี้ย จากนั้นนำชันโรงมาปิดปากหอยเบี้ยเสีย เพื่อขังไม่ให้ปลอดหนี สุดท้ายครอบด้วยตะกั่ว เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังเพิ่มความขลังให้แก่หอยเบี้ยด้วย เมื่อทำเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ขั้นตอนสุดท้าย คือ การบริกรรมคาถา พระอาจารย์ ที่มีวิชาอาคมมาก จะต้องบริกรรมคาถาจนกว่าเบี้ยแก้จะสามารถคลานดิ้นได้เหมือนหอยเบี้ยที่กำลังมีชีวิต เบี้ยแก้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ถือว่าไร้เทียมทานและสรรพคุณครอบจักรวาล ไม่ว่าจะนำไปบุกน้ำลุยไฟ ลอดผ้าถุง อำนาจศักดิ์สิทธิ์ของเบี้ยแก้จะไม่มีวันเสื่อม อีกทั้งยังสามารถนำเบี้ยแก้ไปแช่ในน้ำเพื่อทำน้ำมนต์ได้ด้วย ในส่วนของการป้องกันเฉพาะด้าน หากมีศึกให้นำไว้ด้านหน้า เมื่อต้องพบเจอพระมหากษัตริย์ให้นำไว้ด้านขวา อยากเสริมเรื่องอิสตรีนำไว้ด้านซ้าย และเมื่อถูกต้อนจนมุมให้นำไว้ด้านหลัง

หากผู้ใดมีเบี้ยแก้ไว้ในครอบครองจะช่วยคุ้มครองไม่ให้ตกอยู่ในคุณไสยใดๆ ใครเล่นของใส่ วางยา เข้ามาทำร้าย เบี้ยแก้จะช่วยปกป้องรักษาและผลักสิ่งชั่วร้ายออกไปทั้งหมด เพราะหน้าที่ของเบี้ยแก้ คือ เปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี ช่วยทุกเรื่องในชีวิตไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน การเงิน สุขภาพ นอกจากนี้ ผู้บูชายังไม่ต้องทำอะไรมาก แค่มีจิตศรัทธาและพกติดตัวไปทุกที่
